ปัจจุบันทุกธุรกิจเริ่มปรับตัวหันมาทำการตลาดออนไลน์มากยิ่งขึ้น ด้วยจุดเด่นของโลกออนไลน์นั่นคือการเข้าถึงผู้คนได้มาก และมีต้นทุนต่ำมากๆ จึงเป็นที่นิยมขึ้นเป็นอย่างมาก ดังนั้นท่านต้องเคยจัดแคมเปญโฆษณาสินค้า หรือเคยโปรโมทผลิตภัณฑ์ของท่านด้วยพื้นที่ต่างๆ บนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น เฟสบุ้ค ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ยูทูป พินเทอเรส ไลน์ ฯลฯ ท่านเคยสงสัยในแหล่งที่มาของลูกเราหรือไม่ เราจะรู้ได้ไงว่า
เลือกหัวข้ออ่าน
แหล่งที่มาของลูกค้าที่สนใจสินค้าหรือบริการของเรามาจากไหนกันแน่?
เครื่องมือ UTM จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อวัดผลโฆษณาหรือการโปรโมทของเรานั่นเองครับ
หน้าตาการทำ UTM
ท่านลองสังเกต Address bar ของเรา มันจะเป็น URL เรียงยาวต่อเนื่องกัน ยกตัวอย่างเช่น URL ของคอนเทนต์นี้
บางคน พอเห็น URL เรียงยาวแบบนี้ อาจจะเวียนหัวขึ้นมาเลย ซึ่งจริง ๆ แล้ว URL ลักษณะนี้ คือการทำ UTM tracking นั่นเองครับ
มารู้จักตัวแปรต่าง ๆ สำหรับการทำ UTM tracking
ยกตัวอย่างจาก URL เดิม เราสามารถแยกตัวแปรออกเป็น 3 ส่วนหลัก
http://work360.in.th/marketing/what-is-utm-tracking/?
- utm_source=facebook&
- utm_medium=post&
- utm_campaign=Marketing
1. utm_source คือ แหล่งที่มา ทำให้รู้ว่า “มาจากที่ไหน”
ตัวแปรนี้มีไว้ใช้ระบุแหล่งที่มาของ Traffic ที่เข้ามาที่เว็บไซต์ของเรา แนะนำว่าการระบุ utm source นั้นควรใส่เป็นชื่อเว็บไซต์หากแหล่งที่มา ซึ่งในตัวอย่างแหล่งที่มาคือเฟสบุ้คนั่นเองครับ
2. utm_medium คือ ตัวกลางที่มาพา เพื่อให้รู้ว่า “มาด้วยสื่อด้วยอะไร”
ตัวแปรนี้จะช่วยให้เรารู้ว่า เค้าใช้ สื่อกลางตัวไหนที่พามา เช่น utm_medium=post นั่นหมายความว่า เค้ามาจากการโพสต์ภาพ หรือข้อความ หรือ utm_medium=banner ก็จะหมายความว่า เค้ามาจากภาพแบนเนอร์ หรือ utm_medium=vdo หมายความว่า เค้ามาจากวีดีโอ
3. utm_campaign คือ ชื่อแคมเปญ เพื่อให้รู้ว่า “มาจากแคมเปญไหน”
ตัวแปรนี้เป็นตัวที่สำคัญมากที่สุด มีไว้ใช้กำหนดชื่อแคมเปญเพื่อวัดผล ยกตัวอย่างเช่น utm_campaign=Marketing เป็นต้น หากเรากำหนดแต่ Source ซึ่งเราใส่ชื่อเว็บไซต์เป็นหลัก เราก็จะไม่สามารถบอกว่าได้เป็นแคมเปญอะไรที่ส่ง traffic เข้ามาเว็บไซต์และมี performance อย่างไร
3 ตัวแปรนี้ คือ ตัวแปรในการทำ UTM tracking พื้นฐาน อย่างน้อยเราควรมีให้ครบทั้ง 3 ตัวหลักนี้ แต่ถ้าแอดวานซ์หน่อย จะมีอีก 2 ตัวแปรที่เราสามารถใช้ได้ เช่น utm_term ใช้คู่กับการทำ Google AdWord / Paid search มากกว่า และ utm_content ใช้แยกประเภทของโฆษณาประเภท A/B testing เป็นต้น
เราขอแนะนำให้ใช้ UTM Generator ของ Google เป็นตัวช่วยได้เลย ด้วยเครื่องมือ Campaign URL Builder https://ga-dev-tools.appspot.com/campaign-url-builder/