ปัจจุบัน Operator เปิดให้ใช้งานในรูปแบบ “research preview” สำหรับผู้ใช้ ChatGPT Pro ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีค่าใช้จ่าย $200 ต่อเดือน OpenAI ได้ร่วมมือกับบริษัทต่างๆ เช่น Instacart, Uber และ eBay เพื่อทำให้หน้าเว็บของพวกเขาเข้าถึงได้ง่ายขึ้นผ่าน Operator แม้ว่า Operator จะมีความสามารถที่น่าประทับใจ แต่ยังคงมีความท้าทายด้านการใช้งานและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น OpenAI ได้เพิ่มฟีเจอร์ความปลอดภัยและขออนุมัติก่อนดำเนินการที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การส่งอีเมล และจะไม่ดำเนินการธุรกรรมทางการเงินหรือการตัดสินใจเกี่ยวกับการสมัครงาน
การเปิดตัว Operator แสดงถึงการเข้าสู่ตลาดเอเจนต์ AI ของ OpenAI ซึ่งกำลังแข่งขันกับบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ที่พัฒนาเอเจนต์ AI ที่สามารถท่องเว็บและโต้ตอบกับเมนูและปุ่มต่างๆ ได้ Operator สามารถทำงานต่างๆ เช่น สร้างรายการสิ่งที่ต้องทำหรือช่วยวางแผนวันหยุด และจะขอการยืนยันจากผู้ใช้ก่อนดำเนินการบางอย่าง เช่น การป้อนข้อมูลเข้าสู่ระบบบนเว็บไซต์ OpenAI วางแผนที่จะขยายการเข้าถึง Operator ไปยังผู้ใช้ Plus, Team และ Enterprise และผสานความสามารถเหล่านี้เข้ากับ ChatGPT ในอนาคต Operator ได้รับการออกแบบมาเพื่อปฏิเสธคำขอที่เป็นอันตรายและบล็อกเนื้อหาที่ไม่อนุญาต เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้ยังคงควบคุม AI ได้อย่างเต็มที่
การเปิดตัว Operator เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา AI ที่สามารถดำเนินการแทนผู้ใช้บนเว็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนี่คือ 15 ประเด็นสำคัญที่เราสรุปมาให้แล้ว
สรุปเนื้อหาเกี่ยวกับ “Operator” โดย OpenAI เป็น 10-15 ประเด็นสำคัญ
1.Operator คืออะไร
Operator เป็นเอเจนต์ AI ใหม่ของ OpenAI ที่สามารถดำเนินการบนเว็บแทนผู้ใช้ได้ เช่น การจองร้านอาหาร การย้ายข้อมูลบริษัท หรือการช็อปปิ้งออนไลน์ โดยใช้เบราว์เซอร์ในตัวเองที่มีความสามารถในการคลิก พิมพ์ และเลื่อนดูหน้าเว็บต่าง ๆ
2.โมเดล AI เบื้องหลัง
Operator ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า “Computer-Using Agent” (CUA) ซึ่งผสานโมเดล GPT-4o เข้ากับความสามารถด้านการมองเห็นและการให้เหตุผลเชิงลึก ทำให้สามารถโต้ตอบกับเว็บไซต์ได้อย่างคล่องตัว
3.สถานะการเปิดตัว
Operator อยู่ในรูปแบบ “research preview” เปิดให้ทดลองใช้สำหรับผู้ใช้ ChatGPT Pro ในสหรัฐอเมริกา โดยมีค่าบริการ $200 ต่อเดือน
4.พันธมิตรการใช้งาน
OpenAI ร่วมมือกับบริษัทต่าง ๆ เช่น Instacart, Uber และ eBay เพื่อทำให้ Operator สามารถใช้งานกับแพลตฟอร์มของพวกเขาได้อย่างราบรื่น
5.การควบคุมความปลอดภัย
Operator มีมาตรการความปลอดภัย เช่น การปฏิเสธคำขอที่เป็นอันตราย และขออนุมัติก่อนดำเนินการในเรื่องที่มีความเสี่ยง เช่น การส่งอีเมล หรือการป้อนข้อมูลเข้าสู่ระบบ
6.ข้อจำกัดของ Operator
Operator ไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินหรือการตัดสินใจที่ซับซ้อน เช่น การสมัครงาน หรือการอนุมัติสินเชื่อ เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางกฎหมายและจริยธรรม
7.การใช้งานในชีวิตประจำวัน
Operator สามารถช่วยผู้ใช้สร้างรายการสิ่งที่ต้องทำ วางแผนวันหยุด หรือจัดการงานต่าง ๆ บนเว็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ
8.การยืนยันก่อนการทำงาน
Operator จะขอการยืนยันจากผู้ใช้ก่อนดำเนินการสำคัญ เช่น การกรอกแบบฟอร์มออนไลน์ เพื่อรักษาความโปร่งใสและความปลอดภัย
9.ตลาดเอเจนต์ AI
การเปิดตัว Operator ถือเป็นการก้าวเข้าสู่ตลาดเอเจนต์ AI ที่กำลังแข่งขันสูง โดยมีบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น Google และ Microsoft พัฒนาเอเจนต์ที่คล้ายคลึงกัน
10.แผนการขยายการเข้าถึง
OpenAI มีแผนที่จะเปิดตัว Operator ให้กับผู้ใช้ระดับ Plus, Team, และ Enterprise และผสานความสามารถเข้ากับ ChatGPT ในอนาคต
11.ความท้าทาย
แม้ Operator จะมีความสามารถสูง แต่ยังคงมีความท้าทายด้านการใช้งาน เช่น ความเข้าใจที่ผิดพลาดจากคำสั่งของผู้ใช้ หรือการเผชิญกับเว็บไซต์ที่มีโครงสร้างซับซ้อน
12.ต้นทุนการใช้
ค่าใช้จ่ายสูงที่ $200 ต่อเดือนอาจเป็นข้อจำกัดสำหรับผู้ใช้บางกลุ่ม แม้จะมีศักยภาพสูงในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
13.การพัฒนาต่อเนื่อง
Operator ได้รับการออกแบบมาให้เรียนรู้และปรับปรุงความสามารถในการใช้งานเว็บไซต์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาด
14.การควบคุมของผู้ใช้
OpenAI เน้นให้ผู้ใช้มีการควบคุม AI อย่างเต็มที่ โดยออกแบบ Operator ให้โปร่งใสและไม่สามารถทำงานที่อาจละเมิดความเป็นส่วนตัวโดยไม่ได้รับการอนุมัติ
15.อนาคตของ Operator
การพัฒนา Operator แสดงถึงความก้าวหน้าในเทคโนโลยี AI ที่สามารถเป็นผู้ช่วยในชีวิตประจำวันและการทำงานบนเว็บได้อย่างชาญฉลาด ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในวิธีการใช้งานเว็บทั่วโลก
สรุป: Operator เป็นนวัตกรรมที่น่าตื่นเต้นในวงการ AI ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้จัดการงานต่าง ๆ บนเว็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ศักยภาพในอนาคตนั้นมหาศาล ทั้งในด้านความสะดวกและการเพิ่มผลผลิต