Search
Close this search box.
สมการของความคิด

สมการของความคิด

เพราะเราคิดไม่เหมือนกัน เราจึงทะเลาะกัน ถกเถียงกันรุนแรงบ้าง เบาบ้าง ถ้าเราเข้าใจว่าทุกคนมีความคิด และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้ทุกคนคิดเหมือนกัน ก็จะเข้าใจว่า ไม่ใช่เรื่องจำเป็นเลยที่เราจะต้องพยายามเอาชนะกัน ในเรื่องที่ไม่มีทางเข้าใจกัน

คนไม่มีความคิด

คำว่า คนไม่มีความคิด คนไม่รู้จักคิด นับเป็นการด่า ที่ไร้สาระที่สุด การที่เขาคิดต่างจากคุณ นั่นก็เป็นหลักฐานสำคัญแล้วว่า “พวกเขามีความคิดเช่นกัน” เพียงแต่ว่า สิ่งที่พวกเขาคิด เขาเชื่อ ต่างจากคุณ เท่านั้นเอง เรามาลองทำความเข้าใจกันให้มากขึ้นอีกนิด เพราะการยอมรับว่า คนเราคิดต่างกัน ไม่ได้ช่วยอะไร การเข้าใจ ความต่างนี้ต่างหาก ที่จะสร้างประโยชน์ให้กับคุณได้ ( แอบยิ้มแบบมีเป้าหมาย เมื่อคุณเข้าใจความต่าง คุณจะเข้าใจว่า จะบงการความคิดคนอื่นได้อย่างไร )

สมการของความคิด

มีนิยามที่ให้ไว้คือ ความคิด = ปัญญา + ข้อมูล แต่ผมอยากจะเพิ่มเติมไปว่า สมการที่ถูกต้องกว่าคือ

ความคิด = ( สติ ) + ( ปัญญา + ข้อมูล )

สติ

เวลาที่คุณคุยกับใคร หรือถามอะไรใครก็ตาม ให้ตรวจสอบให้แน่ใจเสียก่อนว่า เขาหรือเธอคนนั้นกำลังมีสติมากพอที่จะให้ความคิดที่เหมาะสมหรือไม่ รวมทั้งอย่าลืมตรวจสอบตัวเองด้วยนะครับ ว่าตัวเรากำลังมีสติหรือไม่

เราเติบโตมาในสภาพแวดล้อมเกี่ยวกับศาสนาพุทธ เรามักคุ้นเคยกับคำว่า สติ สมาธิ มาจนเคยชินแต่บ่อยครั้งที่เรามักไม่มีสติ ใช้ชีวิตภายใต้ “จิตใต้สำนึก” ทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยความเคยชิน ไม่ค่อยรู้ตัวด้วยซ้ำว่า กำลังขาดสติ เราสามารถใช้ คำถาม เป็นเครื่องมือเพื่อตรวจสอบว่า เรากำลังมีสติไหม ด้วยคำถามง่าย ๆ เช่น

  • เรากำลังใช้เหตุผล หรือข้ออ้าง
  • เรากำลังทำด้วยความเคยชินหรือไม่
  • มีปัจจัยอารมณ์อะไรเกี่ยวข้องไหม
  • มีปัจจัยเรื่องความเร่งด่วนไหม
  • เรากำลังจะเสียผลประโยชน์อะไรหรือไม่
  • กำลังโกรธ หรือ โมโห หรือไม่

อยากให้เข้าใจก่อนว่า คำว่า สติ มีความสำคัญมาก ต่อให้คุณมีปัญญามากแค่ไหน รู้ข้อมูลมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถการันตีได้ว่า คุณกำลังมีความคิดที่ดี ที่ถูกต้อง ถ้าคุณขาด ” สติ ”

ปัญญา

ปัญญา คือ ข้อมูลภายใน ปัญญาคือ ชุดข้อมูลที่คุณได้รับเข้าไปก่อนหน้านี้ จนตกผลึก เก็บไว้ในสมองของคุณ จนคุณคิดว่า นั่นคือ ความคิดของคุณ นั่นคือ ความถูกต้องในมุมของคุณ

ปัญญา หมายถึง ข้อมูล องค์ความรู้ สิ่งที่คุณเรียนไป สิ่งที่คุณอ่าน หรือฟังมา ทั้งหมดล้วนกลายเป็น ปัญญา ของคุณ ระดับปัญญาของแต่ละคนไม่เท่ากัน ไม่ได้หมายความว่า เพราะพวกเขาเกิดมาฉลาดไม่เท่ากัน แต่เพราะพวกเขา มีระดับข้อมูลภายในที่ต่างกัน และส่งผลต่อการประมวลผล การคิด ที่สื่อออกมาในลักษณะที่เราเรียกว่า ระดับความฉลาด ( เราตัดสินว่า คนฉลาด จาก ความคิด ของพวกเขา )

ตรวจสอบให้แน่ใจว่า คุณ หรือคนที่คุณจะประชุม หรือเจรจาต่อรอง โน้มน้าวใจ มีระดับ ปัญญา ในระดับที่เหมาะสม ด้วยการถามคำถามเช่น

  • พวกเขามีพื้นฐาน มีทักษะระดับไหน
  • พวกเขาจบการศึกษาอะไร
  • พวกเขามีประสบการณ์อะไรกันบ้าง
  • แหล่งข้อมูลใดที่พวกเขาติดตาม
  • ใครเป็นต้นแบบ เป็นแกนนำ ของพวกเขา
  • ใครเป็นผู้นำทางความคิดของเขา

ปัญญา คือ ที่มาของทัศนคติ และ ทัศนคติ ก็คือ ที่มาของปัญญา โดยในตอนเริ่มต้น ข้อมูลชุดแรก ๆ ที่คุณรับเข้าไป จะก่อให้เกิดทัศนคติ และนำพาให้คุณเปิดรับชุดข้อมูลในแนวทางเดียวกันเพิ่มขึ้น สะสมมากไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นทัศนคติที่เข้มแข็ง ยากที่จะเปลี่ยนแปลง

ปัญญา ที่เกิดจากความจำเป็นที่เลือกไม่ได้ ในวัยเด็ก คุณถูกเลือกสิ่งต่าง ๆ ให้โดยคุณพ่อ คุณแม่ คุณครู ระบบการศึกษา เพื่อน สิ่งแวดล้อมพาคุณไปสู่ชุดข้อมูลต่าง ๆ ที่คุณก็ไม่มีพลังมากพอ ที่จะตัดสินใจเลือกเองได้ ว่าจะรับหรือไม่รับ

ปัญญา ที่เกิดจากสิ่งที่คุณเลือกเองได้ คุณต้องยอมรับความจริง และเลิกกล่าวโทษคนอื่นว่า เมื่อถึงจุดหนึ่งในชีวิต คุณมีสิทธิ์เลือกที่จะรับ ที่จะไม่รับ เชื่อหรือไม่เชื่อได้ เช่น เลือกว่าจะเรียนต่อปริญญาโท หรือออกไปทำงาาน เลือกที่จะเข้าฟังงานสัมมนาหรือกลับบ้านเล่นเกมส์ออนไลน์ เลือกที่จะคบเพื่อนที่คุยเรื่องธุรกิจ หรือเพื่อนที่ชวนไปปาร์ตี้เย็นวันศุกร์

ปัญญา คือ ข้อมูลจากสื่อออนไลน์ที่คุณเสพเมื่อเดือนที่แล้ว ปีที่แล้ว ข้อมูลเก่า ๆ ที่ผ่านเข้าไปในหัวของคุณ ล้วนกลายเป็น ปัญญา กลายเป็น เรื่องของคุณ กลายเป็นจิตใต้สำนึกของคุณ จุดนี้คือ เรื่องสำคัญ คุณเปลี่ยนชีวิตได้ด้วยการเปลี่ยนความคิด และมันเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนสภาพแวดล้อม เปลี่ยนสื่อที่คุณเสพ เปลี่ยนสิ่งที่คุณอ่าน

ข้อมูล 

ข้อมูล คือ สิ่งที่เป็นปัจจัยภายนอก ที่เข้ามาล่าสุด ที่เข้ามาส่งผลให้คุณต้อง คิด ถ้าปราศจากข้อมูลใหม่ ๆ คุณก็ไม่จำเป็นต้อง คิด ไม่ต้องมีความคิดใด ๆ เพราะสามารถใช้ชีวิตแบบเดิมได้ แบบที่เคยทำเมื่อวาน หรือวันก่อน ๆ แต่เพราะชีวิตจริง เราต้องเจอปัจจัยใหม่ ๆ ตลอดเวลา ข้อมูลใหม่ ๆ เหล่านี้เอง ที่เป็นตัวเร่งให้เราต้องมี ความคิด ตลอดเวลา ข้อมูล นี้นี่เองที่สะสมกันไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็น ปัญญา

ตัวอย่าง

ปัญญา : เราทราบว่า ถ้ามี เมฆ อาจเกิดฝนได้
ข้อมูล : กรมอุตุบอกวันนี้จะมีเมฆมาก
ความคิด : เตรียมร่มไปด้วยดีกว่า
แต่ความคิดเรื่องการเตรียมร่มจะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าเราไม่มี สติ ฟังข่าวประกาศจะกรมอุตุ ทุกคนได้ยินข่าว ทุกคนรู้ว่า มีเมฆจะเกิดฝน แต่มีไม่กี่คนที่มีสติ พอที่จะคิดต่อว่า ควรต้องเตรียมร่มไปด้วย

วิธีการเปลี่ยนความคิดคนอื่น

ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนความคิด หรือโน้มน้าวใจผู้อื่น ด้วยหลักการของสมการความคิดนี้ คุณน่าจะพอมองเห็นภาพว่า การให้ข้อมูล ไม่ใช่คำตอบ การที่นักการเมืองโต้เถียงกัน เพจดัง ๆ ต่างใส่ข้อมูลโจมตีกัน ไม่ทำให้คนเปลี่ยนความคิดได้ ( ในชั่วข้ามคืน ) เพราะ ความคิด ไม่ได้เกิดจาก ข้อมูล ล่าสุด นั่นเอง

1 วางแผนเพื่อที่จะโน้มน้าวใจ

การโต้เถียงกันเพื่อความสะใจ ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ เพราะคุณจะได้โกรธกันแทนที่จะได้พวกเพิ่ม ถ้าคุณไม่ได้อยากไปโน้มน้าวใจใคร ก็อย่าเสียเวลาไปโต้เถียงในประเด็นที่ไม่ใช่ปัญหาของคุณ แต่ถ้าจำเป็นที่คุณต้องโน้มน้าวใจคน ต้องเปลี่ยนความคิดใครสักคน ปักหมุดลงไปเลย ว่าสิ่งที่คุณจะทำ ทำไปเพื่อการโน้มน้าวใจ ไม่ใช่แค่ การสื่อสาร สนทนา ทั่วไป

2 เตรียมชุดข้อมูลที่จะทำให้เกิดปัญญาใหม่

หลังจากที่คุณรู้เขารู้เรา รู้ระดับปัญญาของคู่สนทนาแล้ว ก็ถึงเวลาที่คุณต้องทำการบ้าน เตรียมข้อมูลใหม่ ให้เหมาะสม ในการพูดคุยกัน ข้อมูลนี้จะก่อให้เกิด ชุดความรู้ใหม่ เป็นปัญญาใหม่ได้ ถ้าคุณเลือกข้อมูลที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย

3 ให้ระยะเวลาประมวลผลข้อมูล

ถ้าคุณวางแผนจะโน้มน้าวใจคน การกำหนดระยะเวลาให้เหมาะสม เป็นสิ่งจำเป็นมาก ๆ เราเห็นระยะเวลาในการทำ Remarketing การส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้เราทางอีเมล ทั้งหมดเป็นกลยุทธ์ เป็นศิลปะการสื่อสาร ( เพื่อโน้มน้าวใจ ) ถ้าคุณต้องการให้ลูกค้ามีเหตุผลในการซื้อสินค้า ก็ต้องใจเย็น ๆ ปล่อยให้เขามีเวลาคิดสักเล็กน้อย

4 พลังของการเขียน

มีผลการศึกษาในการสอนเด็ก ๆ ว่า วิธีการปลูกฝังความคิดที่ดีที่สุดคือ การให้ข้อมูลผ่านการอ่าน การอ่านหนังสือ ( รวมทั้งบทความต่าง ๆ ) จะทำให้เมื่อเวลาผ่านไป เด็ก ๆ จะเผลอคิดไปว่า นั่นคือ ความคิดของพวกเขา เขาคิดเหมือนหนังสือที่อ่าน แต่เขาคิดไปว่า นั่นคือความคิดของเรา ต่างจากการที่คุณครูหรือพ่อแม่ สอนด้วยการบอกเล่า เพราะวิธีนั้นเหมือนการยัดเยียดข้อมูลให้เขามากกว่า

วิธีการนี้ได้ผลกับเด็ก ๆ และได้ผลกับผู้ใหญ่เช่นกัน เราจึงเห็นว่า สื่อที่มีอิทธิพลก็วนเวียนอยู่กับสื่อที่ใช้การเขียนเป็นหลัก เช่น หนังสือพิมพ์ วารสารต่าง ๆ จนมาถึงโลกออนไลน์ บทความออนไลน์ โพสต์ต่าง ๆ บน Facebook Twitter มีอิทธิพลต่อความคิดคนมากกว่า สื่อวิดีโออย่างเช่น  YouTube หรือ ภาพสวย ๆ ใน Instagram ก็ไม่อาจต้านทานพลังของ ข้อความ บทความ ได้

5 มุ่งไปที่การทำให้ ไม่มี สติ

นั่นคือ วิธีการที่รวดเร็ว และได้ผลมากที่สุด ในวงการเมือง หรือ การโต้เถียงกันในธุรกิจ การทำให้ฝั่งตรงข้าม โกรธ โมโห จนขาดสติ แล้วเกิดความคิด ที่ไม่ค่อยได้เรื่องนัก ก็สามารถเห็นได้บ่อย ๆ หรือในการขายสินค้า การกระตุ้นด้วยความเร่งด่วน ความอยากมาก ๆ หรือ การมี Ref. มีคนรีวิว ก็ทำให้คนขาดสติได้เช่นกัน ( จนเผลอกดจ่ายเงินซื้อสินค้า )

การเข้าใจเรื่องของความคิด เป็นที่มาของอีกหลาาย ๆ ทฤษฎี และผมมีบทความแนะนำเพิ่มเติม เรื่องการประยุกต์ใช้ความรู้ทางจิตวิทยา มาใช้กับงานด้านการขาย การตลาด ซึ่งทำให้เราทำงานได้สนุกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะเรามีความเข้าใจมากขึ้นนั่นเองครับ

อ่านเพิ่มเติม

READ  20 วิธีเพิ่มยอดขายด้วยหลักจิตวิทยาร้านอาหาร
READ  31 กลยุทธ์โน้มน้าวใจผู้คน ด้วยหลักจิตวิทยาการเขียนคำโฆษณา
READ  29 เทคนิคการขาย ที่ใช้เพื่อให้คนซื้อมากขึ้น

 

 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า