เรากำลังอยู่ท่ามกลาง “การปฏิวัติการคิดเป็นภาพ” และผู้นำในแต่ละองค์กรต่างยอมรับว่า Visible Thinking เป็นความรู้ในอนาคต
“จุดเปลี่ยน” ของการปฏิวัติครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมาในการประชุมประจำปีของ International Forum for Visual Practitioners
ซึ่งมีผู้ปฏิบัติงานด้านภาพ 100 คนจากทั่วโลก คณะที่ฉันดูแลร่วมกับ Patrick van der Pijl CEO ของ Business Models Inc. และ Sunni Brown จาก Doodle Revolution
เริ่มต้นการประชุมด้วยการอภิปรายอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับอนาคตของ Visible Thinking บันทึกโดยเครื่องบันทึกกราฟิกที่แตกต่างกันสามแบบในแบบเรียลไทม์ เราได้สำรวจพลังภายนอกที่สำคัญ 10 ประการที่กระตุ้นการปฏิวัติการคิดด้วยภาพ ได้แก่
1.เราอาศัยอยู่ในโลกที่ผันผวนเพิ่มมากขึ้น
เปราะบาง, ไม่แน่นอน, ซับซ้อน และคลุมเครือ ในแต่ละวันเราถูกถล่มด้วยเสียงดังมากเกินไปและสัญญาณไม่เพียงพอ Visual Thinking ช่วยให้เราแยกปัญหาที่ซับซ้อนออกเป็นภาพง่ายๆได้
2.ความก้าวหน้าทางด้านประสาทวิทยาและเทคโนโลยี FMRI
แสดงให้เห็นว่าสมองของเรามีความคิดสร้างสรรค์และมีจินตนาการมากขึ้น
3.นักเขียนที่ขายดีที่สุดกำลังเขียนโค้ดด้วยคำว่า “magic (เวทมนตร์)”
ขอบคุณ Nancy Duarte: ology and Resonate, หนังสือ Back of the Napkin ของ Dan Roam และ Blah, Blah, Blah และ Alex Osterwalder และ Business Model Generation ของ Yves Pigneur
เรากำลังสร้างวินัยความเป็นผู้นำใหม่ทั้งหมดเกี่ยวกับการเล่าเรื่องด้วยภาพและการสร้างแบบจำลองภาพใน บริการธุรกิจ และนวัตกรรม
4.เทคโนโลยีทำให้เรามีเครื่องมือใหม่ๆที่น่าตื่นเต้น
การใช้แท็บเล็ตหน้าจอสัมผัสและแอปที่มาพร้อมกันอย่างกว้างขวางช่วยให้สามารถจับภาพและแบ่งปันแนวคิดได้ง่ายแบบเรียลไทม์ ได้แก่ Adobe Ideas, Sketchbook Pro, Bamboo Paper, Penultimate, Art Set
5.Viral channels แพร่กระจายทั้งข้อความและรูปภาพ
มีการดูและแชร์วิดีโอแอนิเมชั่น RSA หลายล้านรายการในปี 2011 ผ่าน TED talks โดย Sir Ken Robinson และ Dan Pink เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม แม้แต่นักคิดที่มีสมองซีกซ้ายส่วนใหญ่มีพลังของการสื่อสารด้วยภาพ
6.สื่อกระแสหลัก
นอกเหนือจากผู้สนับสนุนแบบเดิมๆ เช่น Fast Company แล้วในปี 2011 ยังมีการรายงานข่าวในวารสารศาสตร์เรื่องราวเกี่ยวกับ Visual Thinking ใน Harvard Business Review, The Washington Post และ CNN
7.มีแหล่งเรียนรู้และการฝึกอบรมเพิ่มมากขึ้น
การรับรู้ถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับ Visual Thinking เช่น “ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการบันทึกภาพกราฟิก” ไปจนถึงการสัมมนาออนไลน์ และการเรียนรู้เสมือนจริง
8.“Design Mania” กลายเป็นกระแส
ด้วยความตื่นเต้นในการออกแบบ Visual Thinking จึงเป็นส่วนหนึ่งของ IDEO และ Stanford’s d. school ซึ่งได้ลดความสำคัญของ Sharpies และ post-its ลง
9.นักลงทุนและผู้บ่มเพาะรายใหม่เกิดขึ้น
Design-based angel funds และ start-up incubators กำลังจับกระแส Visual Thinking โดยตระหนักดีว่าประสบการณ์ของลูกค้าที่ยอดเยี่ยมอาจส่งผลกระทบต่อเทคโนโลยีที่มากเกินไป
10.ผู้ชมใหม่ๆเกิดขึ้นตอดเวลา
Visual Thinking ไม่ได้มีไว้สำหรับศิลปินเท่านั้น และVisual Thinking กำลังก้าวไปทั่วโลกตั้งแต่เอเชีย แอฟริกา ไปจนถึงอเมริกาใต้
บริษัทต่างๆเติบโตอย่างต่อเนื่องท่ามกลางคู่แข่งใหม่ๆและความต้องการของลูกค้า ผู้คนจะแสวงหาผู้นำการสื่อสารที่สามารถช่วยให้เรารู้สึกปลอดภัย มีเหตุผล
Visual Thinking ไม่ได้เกี่ยวกับความสามารถทางศิลปะ แต่เกี่ยวกับความหลงใหลในนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลง การปฏิวัติกำลังเรียกร้อง..หยิบปากกาของคุณและเปลี่ยนโลกซะ
Resource: https://www.duarte.com