คุณแม่ที่เก่งๆ เค้าต้องเป็นอย่างไร?
หลายคนคงคิดภาพคุณแม่ที่เก่งๆ
ในรูปแบบแตกต่างกันไป
สำหรับแอน
จะคิดถึงคุณแม่ที่แต่งหนังสือเล่มหนึ่ง
เป็นคุณแม่ลูก 3 ที่มีบทบาท
และความสำเร็จในชีวิตที่น่าทึ่ง
ทั้งการเป็นคุณแม่ทำงานเต็มเวลา
สอบผ่านผู้สอบบัญชีที่มีอายุน้อยที่สุด
คุณคะซึโยะ คัตสึมะ
ผู้แต่งหนังสือ
จัดสรรเวลาดี มีรายได้เพิ่ม 10 เท่า
เรียนจบปริญญาโท MBA TOEIC
และได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่ปรึกษา
ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
เป็นผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ “มุกิฮะตะ”
เว็บไซต์สำหรับคุณแม่ทำงาน
ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
คุณแม่ท่านนี้ประสบความสำเร็จ
จนได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งใน
“50 ผู้หญิงที่น่าจับตามองที่สุดโลก”
ของ“เดอะวอลล์สตีทเจอร์นัล”
ในปี คศ.2005 และปี คศ.2008
อีกทั้งได้รับรางวัล
“เอวอนอวอร์ดส์ทูวีเมน”
เพื่อยกย่องผู้หญิงที่ช่วยเหลือสังคม
ซึ่งเป็นผู้รับรางวัลที่มีอายุน้อยที่สุด
อ่านอย่างนี้แล้ว
คิดอย่างไรกันคะ?
สงสัยเหมือนแอนมั้ยคะ?
เค้าทำยังไงนะ?
เค้าคงเก่งมากเลยสินะ?
คงมีคนช่วยเลี้ยงลูก
ถึงทำงานได้ขนาดนี้?
.
.
เปล่าเลยค่ะ
เคล็ดลับของคุณแม่คนนี้ คือ
การวางแผนใช้เวลา
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
โดยใช้เวลาน้อยลง และ
เลือกลงทุนกับเวลา เพื่อให้ได้
ประโยชน์ในอนาคตที่มากที่สุด”
คำถามต่อไป
แล้วเราควรจะวางแผนเวลายังไง?
แอนเป็นคนหนึ่งที่ไม่ว่า
จะพยายามจัดตารางเวลาอย่างไร
สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้
เพราะไม่เคยลดสิ่งที่ทำอยู่
มีแต่จะเพิ่มงานจนขยับตัวไปไหนไม่ได้
เคยเป็นแบบนี้เหมือนกันมั้ยคะ?
แอนให้ความสำคัญเรื่องเวลามากๆ
เพราะ “เวลา” เป็นทรัพยากร
ที่มีค่ามากที่สุดในชีวิต
เราจะหาเงิน ดูแลลูก
ดูแลตัวเอง สร้างความสัมพันธ์ที่ดีได้
ก็มาจาก เวลา 24 ชม.เท่าๆกัน
วันนี้ขอเอาเทคนิคของคุณแม่ท่านนี้
คือ การแบ่งเวลาเป็น 4 แบบ
มาแบ่งปันกับผู้อ่านทุกท่าน
#เวลาเพื่อการลงทุน
การใช้เวลาที่ไม่เร่งด่วนแต่สำคัญ
เช่น การออกกำลังกาย
#เวลาเพื่อสิ่งไร้ประโยชน์
การใช้เวลาไม่เร่งด่วน และ
ไม่สำคัญ เช่น ดูโทรทัศน์
#เวลาเพื่อการดำรงชีวิต
ใช้เวลาทำในสิ่งที่เร่งด่วนและสำคัญ
เช่น การใช้เวลาในชีวิตประจำวัน
#เวลาที่ใช้อย่างสิ้นเปลือง
ใช้เวลาทำในสิ่งที่เร่งด่วนแต่ไม่สำคัญ
——-
แล้วใช้เทคนิคบริหารเวลาอย่าง
มีประสิทธิภาพ 3 ขั้นตอนนี้ คือ
1. เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน
ว่าตอนนี้เราใช้เวลาทำงาน
ส่วนใหญ่เป็นแบบไหน
ควรลดการใช้เวลาเพื่อสิ่งไร้ประโยชน์
และใช้อย่างสิ้นเปลืองลง และ
เพิ่มเวลาเพื่อการลงทุนให้มากขึ้น
2. กำหนดเป้าหมายและรู้ตัวว่ามีจุดบกพร่อง
กำหนดรูปแบบที่อยากเป็น (เป้าหมาย)
เทียบกับสภาพที่เป็นอยู่
เห็นจุดบกพร่องที่ยังมี
กลายเป็นแรงจูงใจให้เปลี่ยนแปลง
3. เรียนรู้เทคนิคเพื่อแก้ไข
จุดบกพร่องระหว่างเป้าหมาย
กับสภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ตัวอย่างเช่น
การใช้เวลาจดจ่ออยู่กับ
สิ่งที่ตนเองถนัดและอยากทำ
และการจำกัดสิ่งที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น
อีกทั้งการทำสิ่งที่วางแผนไว้
ให้เสร็จตามเวลาที่กำหนด
เมื่อเราพบคุณแม่ที่ประสบความสำเร็จ
เราอาจจะอยากเป็นเหมือนเค้า
แต่ไม่ใช่ด้วยวิธีลอกเลียนแบบเค้าทั้งหมด
แต่เป็นการนำเอาหลักการ
ของคนประสบความสำเร็จ
แล้วทำในแบบของเราค่ะ
#เมื่อเป็นแม่ถึงรู้คุณค่าเรื่องเวลา
#จัดสรรเวลาดีมีรายได้เพิ่ม10เท่า
#รวยเพื่อลูก