ตองเองก็เป็นคนหนึ่งนะคะที่บ่นกับตัวเองตลอดว่า
“ไม่มีเวลาๆ” แต่ก็ยังแอบหาเวลาไปทำอะไรที่ตัวเองชอบได้เสมอ ไม่ว่าจะ เที่ยว เล่น ดูหนัง ชอปปิ้ง และยิ่งกับเรื่องกินด้วยแล้วล่ะก็ ไม่มีพลาดค่ะขอบอก!! ซึ่งพอเป็นแบบนี้มันก็เลยทำให้ตองรู้ว่า จริงๆ แล้วตองไม่ได้ไม่มีเวลาหรอก แต่ตองแค่ให้เวลา กับสิ่งที่สำคัญกับตองที่สุดก่อนก็เท่านั้นเอง
วันนี้ตองมีวิธีการบริหารเวลาแบบชูใจ วัยรุ่นหวังล้าน มาฝากกันค่ะ เผื่อว่าจะเป็นไอเดียให้เพื่อน จัดการกับเวลาในชีวิตตัวเองได้ดีขึ้น แบบประมาณว่า ทำงาน มีเงินไปด้วยได้ เรียนไปด้วยได้ โดยไม่เสียการเรียน แถมไม่ต้องฝืนตัวเอง งดกิน งดเที่ยว อีกด้วย ซึ่งมีอยู่ด้วยกันง่ายๆ 5 ข้อ ดังต่อไปนี้ค่ะ
1. วางแผนงานล่วงหน้าเสมอ
เพราะชีวิตคนเรามีอะไรที่สำคัญต้องทำหลายอย่าง แต่เราไม่สามารถทำทุกอย่างพร้อมกันได้ทั้งหมด ยิ่งถ้าต้องการให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุดด้วยแล้วล่ะก็ เราก็ยิ่งต้องให้เวลากับแต่ละสิ่งที่ทำมากพอด้วย ไม่ใช่แค่เจียดเวลาเพียงเล็กน้อย ดังนั้น การวางแผนล่วงหน้าในการทำงาน จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด เพราะแผนที่วางจะเป็นตัวกำหนดให้เรารู้ว่า เราต้องทำอะไร เมื่อไร ยังไงบ้าง ซึ่งหลักในการวางแผนก็ไม่ยากเลยค่ะ เพียงแค่ List สิ่งที่ต้องทำออกมาก่อนให้หมด แล้วค่อยๆ จัดการบริหารวางแผนการทำงานแต่ละอย่างซะ เพียงเท่านี้ ก็จะช่วยให้เรามีเวลาให้กับทุกงานสำคัญ และก็พอมองเห็นช่องว่างของเวลาพักผ่อนที่เหลือจากเวลาทำงานได้ง่ายขึ้น
2. ทำความเข้าใจกับงาน และเพื่อนร่วมงาน
งานจะสำเร็จลุล่วงไปได้เร็ว ก็ต่อเมื่อเราเข้าใจงาน และเพื่อนร่วมงานอย่างถ่องแท้ เรื่องนี้หลายคนอาจไม่เคยแคร์หรือสนใจเท่าไร แต่สำหรับตองมันสำคัญมากเลยนะคะ เพราะตองเคยเสียเวลากับงานง่ายๆ เพราะไม่ยอมถาม ไม่ยอมทวนคำสั่งให้ดีก่อน ในขณะเดียวกันตองก็เคยทำงานผิดพลาด เสียโอกาส เสียเวลาทุกอย่าง เพราะสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานไม่เข้าใจ อันนี้หน้าที่ฉัน อันนั้นหน้าที่เธอ อันนี้เราทำด้วยกัน ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ที่จะช่วยให้เราใช้เวลาในการทำงานได้อย่างคุ้มค่า และทำงานให้สำเร็จออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
3. จัดลำดับความสำคัญ อย่าเอาแต่ใจตัวเอง
แม้ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ที่เข้ามาจะสำคัญ และถึงแม้เราจะรู้สึกว่ามันสำคัญทุกอย่าง แต่แท้จริงแล้ว มันก็มีลำดับขั้นความสำคัญของมันที่แตกต่างกัน โดยเกณฑ์เวลาคือสิ่งที่ใช้ในการพิจารณาง่ายที่สุด อะไรต้องมาก่อน อะไรต้องมาทีหลัง อะไรง่าย อะไรยาก ตรงจุดนี้ ต้องอาศัยการวางแผนงานแล้วก่อนด้วย จึงค่อยบวกกับการวิเคราะห์ และหักห้ามใจตัวเอง ให้ทำงานตามลำดับความสำคัญให้ดี ไม่ใช่บอกไม่มีอารมณ์ทำอันนี้ ไปทำอันนั้นก่อน แบบนี้ในที่สุดระบบงานก็จะเสีย แผนที่วางเอาไว้ก็จะไม่มีความหมาย แม้อารมณ์ ความรู้สึกจะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยทำให้เราทำงานได้ดี แต่มันก็คงไม่ดีแน่ๆ ถ้าเราทำงานโดยใช้แต่อารมณ์ เอาแต่ใจ โดยไม่ลำดับความสำคัญ หรือปฏิบัติตามลำดับความสำคัญของแผนงานที่วางเอาไว้ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์ของการไม่ยอมจัดลำดับความสำคัญในการทำงานก็คือ เราจะไม่สามารถควบคุมเวลาได้ และไม่สามารถที่จะเหลือเวลาเอาไว้ใช้เพื่อความบันเทิง เพราะเวลาจะถูกทำให้หมดไป กับการต้องคอยมานั่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ตองมีแนวทางการจัดลำดับความสำคัญของงานมาฝาก 4 ข้อ คือ มาก่อนเสร็จก่อน ง่ายสุดทำก่อน กำหนดส่งก่อนทำก่อน และยากสุดทำก่อน ซึ่งตรงนี้ทุกคนสามารถลองเอาไปปรับใช้กับการทำงานของตัวเองดูได้นะคะว่า เราเหมาะกับแบบไหน หรือประยุกต์ใช้ตามสถานการณ์ก็ได้
4. ตื่นก่อน นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
ข้อนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำง่ายที่สุด แต่กับเป็นสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับใครอีกหลายๆ คน เพราะวิถีชีวิตส่วนใหญ่ที่เรามักจะคุ้นเคยกันอยู่ก็คือ นอนดึก ตื่นสาย หรือไม่ก็ตื่นพอดีๆ แบบไปให้ทันทำงาน แต่ทั้งนี้ รู้หรือไม่คะว่า การที่เราตื่นเช้า ไปทำงานก่อนเวลา จัดการตัวเองให้เรียบร้อยนั้น มันช่วยให้เราเหลือเวลาที่จะทำอย่างอื่นๆ ได้อีกเยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนงาน การออกกำลังกาย การอ่านหนังสือเพิ่มพูนความรู้ การคิดไอเดียใหม่ๆ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เราสามารถทำได้เพิ่มมากขึ้นเมื่อเราตื่นเช้าขึ้น และแน่นอนว่า การนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ก็จะยิ่งช่วยให้ช่วงเวลาเช้าๆ ของเรานั้น คิดทำอะไรได้รื่นไหลมากขึ้นเป็นอีกสิบๆ เท่า!! เหมือนอย่างทุกวันนี้ที่ตอง ไปมหาลัยตั้งแต่เช้าซะเป็นส่วนใหญ่ โดยไม่สนใจว่าจะมีเรียนเช้าหรือไม่ เพราะตองจะใช้เวลาที่ว่างอยู่ บริหารงาน อ่านหนังสือ และก็ทำงานเสริมไปเรื่อยๆ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับตัวตองเอง
5. รีเช็คการใช้เวลาในชีวิตตัวเองอยู่เสมอ
ข้อสุดท้ายนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนค่ะ มันคือการที่เราคอยหมั่นตรวจเช็คเวลาในชีวิตเราอยู่เสมอ เพื่อให้เรารู้ว่า เราบริหารเวลาได้ดีแค่ไหน หมั่นตรวจตารางการทำงานของตัวเอง ยืดหยุ่นให้กับตัวเองบ้าง ไม่ตึงไป ไม่หย่อนไป
แต่สำคัญคือ ต้องรักษาสมดุลให้สามารถทำงานได้ตามเวลา และมีเวลาเหลือเพื่อผ่อนคลายตัวเองด้วย
หลายครั้งเราพยายามที่จะควบคุมเวลา แต่ก็ไม่ได้ให้เวลากับการรีเชคตัวเองว่า เราพลาดจุดไหน ตรงไหนฝืนไป ตรงไหนหย่อนไป จึงทำให้สุดท้ายแล้วในระยะยาว เราก็อาจสับสน ทนไม่ไหว จนทำให้จัดลำดับความสำคัญของงานไม่ได้จนเกิดปัญหาตามมา
แท้จริงแล้วการบริหารเวลา ไม่ใช่เพียงแค่การบริหารเวลาเท่านั้น แต่ตองว่ามันคือการบริหารความรู้สึก บริหารอารมณ์ของตัวเราเองด้วยไปพร้อมๆ กัน โดยสิ่งสำคัญที่สุดที่เราควรระลึกไว้เสมอสำหรับการบริหารเวลาก็คือ เราไม่ได้ทำเพื่อให้มีเวลาเหลือเยอะที่สุด แต่เราทำเพื่อให้ทำงานออกมาได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด พร้อมกับมีเวลาแห่งความสุขไปด้วยพร้อมๆ กัน