ไม่มีใครชอบข้อมูลเยอะ ๆ การเล่าเรื่อง คือการเอาข้อมูลเยอะ ๆ ยาก ๆ มาเล่าให้ง่าย เชื่อมโยงกับประสบการณ์ที่คุ้นเคย พอเรารู้สึกคุ้นเคย พอนึกภาพตามที่เล่าได้แล้ว เชื่อมโยงตัวเราเองกับเรื่องเล่าได้แล้ว เราก็จะฟัง จะอิน จะเชื่อ และพร้อมที่จะทำตามในที่สุด
ถ้าเราบอกว่าบุหรี่ไม่ดีเฉย ๆ เด็กหลายคนอาจไม่เชื่อ ไม่ฟัง แต่พอเรายกตัวอย่างให้ฟังว่ามีเด็กคนหนึ่งสูบบุหรี่แล้วตายไว แล้ว Sex เสื่อม แล้วเป็นมะเร็ง เด็กที่ฟังหลาย ๆ คนจะเริ่มเชื่อมโยงตัวเองกับเด็กในเรื่องเล่า แล้วตระหนักได้ว่าไม่อยากสูบบุหรี่ เพราะเชื่อว่าบุหรี่มันไม่ดีจริง ๆ
แน่นอน มันต้องมีเด็กบางคนที่ไม่เชื่อ ซึ่งอาจเพราะเขาเคยฟังเรื่องเล่าของบุหรี่ในมิติที่ต่างออกไป เห้ย สูบบุหรี่ดิ มันเท่ สาวติดตรึม มีคนเคยทำมาให้เห็นแล้ว ถ้าไม่สูบ เข้าแกงค์ไม่ได้ โดนบูลลี่ หญิงไม่แลนะ ฯลฯ แล้วก็ตัดสินว่าบุหรี่ดีจากเรื่องเล่านั้น ถูกชักจูงในติดบุหรี่ไปในที่สุด
หากเราเล่าเรื่องเป็น เราจะโน้มน้าวผู้คนได้ ผู้คนจะเชื่อในสิ่งที่เราบอกและคล้อยตามทำตาม ชีวิตก็จะราบรื่น ถ้าเราทำธุรกิจ เราเล่าเรื่องเป็น สินค้าของเราก็จะเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย ลูกค้าอินกับประโยชน์ กับคุณค่าของสินค้า แล้วนำไปสู่ยอดขายที่พาธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ
ถ้าเราเป็นผู้นำที่เล่าเรื่องได้เก่ง ผู้คนจะเห็นวิสัยทัศน์ เห็นความฉลาด เห็นความสามารถของเราผ่าน การเล่าเรื่อง การแสดงความคิดเห็น ซึ่งนำมาซึ่งการยอมรับ เคารพ เชื่อถือ และให้การสนับสนุน เป็นผู้ตามที่ดี และพาส่วนรวมให้เกิดสามัคคีแข็งแกร่ง
สังเกตได้เลยว่า คนที่ประสบความสำเร็จทุกคนบนโลกนั้น ล้วนแล้วแต่มีความสามารถในการเล่าเรื่องราวทั้งนั้น เพราะการเล่าเรื่องคือพลังที่ทำให้การสื่อสารบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพตามที่ตั้งใจไว้ อาชีพ Influencer ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มไหนหรือจะมีแพลตฟอร์มใดเกิดขึ้นใหม่ คนที่ยังคงเป็นผู้นำ มีคนติดตามอยู่ได้ก็เพราะเขามีทักษะในการเล่าเรื่องที่ดี
ดังนั้น ถ้าจะมีทักษะใดสักทักษะหนึ่งที่ควรค่าแก่การฝึกฝนให้เป็นความเชี่ยวชาญติดตัวไปล่ะก็ ทักษะการเล่าเรื่องคือ หนึ่งในทักษะที่ทุกคนควรมีไว้ติดตัว เพราะไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัย โลกจะล้ำกว่านี้สักกี่เท่า เราก็ยังคงต้องสื่อสารกัน ฟังเรื่องราวของกันและกันอยู่ดี และคนที่เราเรื่องได้ดีที่สุด สื่อสารได้ดีที่สุดก็คือ ผู้ที่มีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากที่สุด