Search
Close this search box.

เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดนะ วันนี้ขอนอนก่อนแล้วกัน

หวังเพียงว่าเมื่อถึงเวลาพักผ่อนแล้ว
เราจะปล่อยวางความคิดอันหนักอึ้ง
เก็บกวาดเรื่องเราต่างๆ
ที่รกรุงรังภายในใจเพื่อเพิ่ม
“พื้นที่ว่าง”ให้ตัวเราได้พักผ่อน
อย่างแท้จริง😃
.
อ่านหนังสือเล่มนี้นอกจากทำให้
เข้าใจตัวเราที่ชอบแบบทุกสิ่ง
ทุกอย่างจากภายนอกกลับบ้าน
มาด้วย หนังสือเล่มนี้จะช่วยเรา
เก็บกวาดความคิดหรือความกังวลใจ
ต่างๆที่รกรุงรังเพื่อเพิ่ม “พื้นที่ว่าง”
ในหัวใจ ช่วยพาเราถอยออกมา
เพื่อเพิ่มพื้นที่ว่างระหว่างตัวเรา
กับปัญหาต่างๆและช่วยเพิ่ม
“พื้นที่ว่าง”ให้กับเวลาที่ควรใช้
เพื่อตัวเราเอง😉
.
.
พื้นที่เล็กๆในชีวิตประจำวัน
มักกระตุ้นให้เรานึกถึงสิ่งที่ต้องทำ
ทำให้เรารู้สึกอึดอัดใจ
ตลอด เราควรเดินทางไปยังสถานที่
ที่ตัวเองไม่เคยไป เพราะไม่มี
เศษความทรงจำใดๆซุกซ่อนอยู่
มีแค่คนแปลกหน้า จึงไม่จำเป็น
ต้องเสแสร้งทำตัวให้ดูดี
และแม้เต็มไปด้วยสิ่งแปลกตา
ก็ไม่มีสิ่งใดให้ฟาดฟันแย่งชิงมา
.
เมื่อเราติดอยู่กับกระแสของโลก
และถูกกลืนไปกับกระแสนั้น
ย่อมเป็นอิสระได้ยากมาก วิธีที่จะ
หลุดพ้นและเป็นอิสระไม่ได้ยากเย็น
ขนาดนั้นแค่พาตัวเองไปยังสถานที่
ซึ่งตัดขาดจากโลกภายนอกก็พอ
.
คำพูดที่ว่า “ในชีวิตนี้ไม่มีคำตอบ
ที่ถูกต้อง”วิธีแต่ละคนคิดและลงมือ
แก้ไขล้วนไม่เหมือนกัน ทำให้ผลลัพธ์
ที่ได้แตกต่างกันออกไป
ไม่ว่าใครเลือกใช้วิธีใด เราก็ผ่าน
มาได้จนถึงทุกวันนี้
.
บางครั้งการมีชีวิตเหมือนกับคนอื่นๆ
เป็นเพียงแค่ค่าเฉลี่ยพื้นฐานเท่านั้น
ต่อให้เราไม่ทำแบบนั้นก็ใช่ว่า
จะไปผิดทาง การเดินไปสู่
บางเส้นทาง ต่อให้ก้าวเดิน
แบบเดียวกันก็ไม่ได้หมายความว่า
เราจะพิชิตเส้นทางนั้นได้
.
อย่าสงสัยเลยว่า เราจะไปผิดทาง
จนรู้สึกกังวลใจ ตอนนี้เราก็แค่อยู่
ระหว่างการเขียนเรื่องราวของตัวเอง
อยู่ และนี่อาจเป็นโอกาสให้เรา
ได้นำเสนอเส้นทางใหม่ๆในอนาคต
ข้างหน้าแก่ผู้คน
.
บางครั้งเวลาที่เราอยู่เฉยๆ
ไม่ทำอะไรเลยก็จะรู้สึกกังวลใจขึ้นมา
ทั้งที่เราควรรู้สึกสบายใจมากกว่า
เวลาที่ไม่ต้องทำอะไรเลย แต่เรานึก
เสียดายขึ้นมาว่าทำไมไม่ลงมือทำ
สิ่งที่พอทำได้
.
.
“เวลาที่ต้องหยุดพัก”ไม่ได้เกิดขึ้น
ในยามที่เราอ่อนแอ
หรือไร้ความสามารถ แต่เกิดขึ้นเมื่อ
เราทำงานที่ต้องทำเสร็จแล้ว
หรือไม่ก็รู้สึกว่าเราควรพักสักครู่
ถึงจะวิ่งออกไปได้อีกครั้ง
ดังนั้นเวลาที่ต้องหยุดพัก
มักเกิดขึ้นเมื่อเราใช้ชีวิตมาอย่าง
เต็มที่ และเกิดขึ้นเพื่อให้เราใช้ชีวิต
อย่างทุ่มเทต่อไป
.
เริ่มจากสิ่งเล็กๆทีละอย่าง
และค่อยเป็นค่อยไป
เหมือนปราสาททรายที่ถูกสร้างขึ้น
อย่างลวกๆ สุดท้ายก็พังลงมา
อย่างง่ายดาย หากเราก่อ
ปราสาททรายด้วยหัวใจ
ที่เร่งร้อนอยากให้เสร็จไวๆ
ทั้งหมดที่เราพยายามมาโดยตลอด
อาจจะถล่มลงมาอย่างง่ายดาย
ถึงรู้ว่าความรีบเร่งเป็นปัจจัย
ที่ทำให้ปราสาทพังทลาย
เราก็ไม่คิดสนใจและก่อ
ปราสาททรายขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากเรารู้สึกเสียดายเวลา
ที่ต้องก่อปราสาททรายมากกว่า
คำนึงถึงผลลัพธ์ แล้วหยุดลงมือ
ได้เพราะหัวใจที่เอาแต่เร่งเร้า
.
การก่อปราสาททรายแบบนั้น
เป็นไปได้ว่ามันอาจไม่ล้มลง
แม้ถึงจะเริ่มต้นอย่างรีบเร่ง
แต่ทุกอย่างอาจดำเนินไปได้ด้วยดี
.
ตอนนี้เรารู้สึกพะว้าพะวัง
กลัวว่าปราสาททรายที่ตัวเอง
สร้างขึ้นจากพังทลายลงมา
หรือรู้สึกร้อนใจในการทำอะไร
บางอย่าง ลองให้สูดหายใจ
สักหนึ่งเฮือก หลังรู้สึกโล่งอก
ให้เราถอยหลังไปหนึ่งก้าว
เฝ้ามองดูอีกทีว่า สิ่งนี้ถูกต้อง
หรือเปล่า พื้นที่ว่างเล็กๆในใจ
จะช่วยทำให้เราเห็นสิ่งที่เคยถูก
ความร้อนรนอำพรางไว้ ถ้าเรามอง
ทุกอย่างด้วยสายตาที่กว้างไกล
และล้ำลึก ทุกสิ่งก็จะค่อยๆเปิดเผย
.
สำหรับคนที่ไม่อาจฝืนยิ้มให้กับ
คำว่า “ไม่เป็นไร” บางครั้งรู้สึก
เหนื่อยยากแต่ก็ยังต้องไหว
หรือรู้สึกไม่มั่นใจ แต่คิดว่า
ยังต้องมีชีวิตต่อไปเพื่อทำอะไร
สักอย่าง ผู้คนมักบอกว่า
“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวทุกอย่างก็ผ่านไป
ได้ด้วยดี” พอฟังคำพูดพวกนี้ในยามที่
ลำบากกลับทำให้รู้สึกที่ต่างกัน
.
.
เมื่อเรากำหนดเป้าหมายของตัวเอง
แล้วพยายามออกแรงผลักดัน
แต่พอได้ยินคำพูดดังกล่าวจะรู้สึก
หายใจติดขัดขึ้นมา คล้ายกับว่า
เรากำลังเข้าไปข้างหน้าแล้วเกิด
กังวลใจว่าจะชนกำแพงไหมนะ
ทั้งที่รู้ว่าประโยชน์นั้นมาจาก
ความหวังดี
.
มีผู้คนมากมายถูกคุมขังอยู่ท่ามกลาง
ความมืดมิดในสภาพที่ตัวเองสูญเสีย
แสงสว่าง แต่ละก้าวเดินไปข้างหน้า
โดยมีแสงสว่างของตัวเอง
คอยช่วยส่องทาง บนเส้นทางที่
ทุกคนมุ่งตรงไป แสงของหลายคน
เจิดจ้ามาก จึงทำให้รู้สึกว่า
แสงของเรามืดมนเหลือเกิน
เหมือนเวลาที่ยืนอยู่ข้างแสงจ้า
ก็จะเห็นเงาเช่นชัดขึ้นอีก
.
อาจลำบากนิดหน่อย แต่มาพยายาม
ขึ้นอีกนิด ขอให้อยู่กับคนที่ส่องสว่าง
ในแบบเดียวกัน แล้วสวมกอดกันไว้
ภายหลังชีวิตของเราก็จะมีเสียง
หัวเราะขึ้นเช่นกัน
.
สุนทรียภาพที่เรียกว่าความธรรมดา
คือ การไม่มีส่วนใดสะดุดตา ไม่มีเรื่อง
ที่ดีเลิศและไม่มีเรื่องที่บกพร่อง
ไม่ว่าอะไรก็ดูเหมาะสม เพื่อให้เป็น
แบบนั้น เราต้องลดทอนสิ่งที่
มากเกินไป และอาจต้องเติมเต็ม
สิ่งที่น้อยเกินไป
.
ทั้งที่หัวใจรู้ว่ามีบางสิ่งขาดหายไป
แต่ไม่คิดเติมส่วนนั้นจนล้นเกินพอดี
ลืมหัวใจที่ไม่ต้องการโดดเด่น
ก็อาจแปรเปลี่ยนเป็นความโลภได้
ดังนั้นเราจึงคอยควบคุมตัวเองให้ดี
.
คำสั่งให้หยุดความคิด ความคิดที่
ก่อตัวขึ้นในหัวไม่รู้จักจบทำให้สมอง
สับสนจนร่างกายเหนื่อยล้า
เมื่อนึกถึงอดีตขึ้นมาก็จะโยงไปสู่
ความคิดฟุ้งซ่านในเรื่องเก่าๆ
กลายเป็นความฝังใจ หากเผลอคิด
อนาคตก็จะโยงไปสู่การเตรียมตัว
สำหรับวันข้างหน้าและกลายเป็น
ความกังวลใจ ทำให้มีหลายคืน
ที่นอนไม่หลับ และรู้สึกหมดแรง
.
“นอนพักก่อน พรุ่งนี้ค่อยคิด”
เมื่อเราบอกตัวเองแบบนี้ ความคิด
อาจยอมสงบลงเล็กน้อย แล้วหัวใจ
ที่วุ่นวายก็จะผ่อนคลาย
.
เมื่อเราหยุดความคิดก็จะหลับลงได้
โดยอัตโนมัติ พอได้นอนพัก
สักหนึ่งตื่นก็จะจำความคิดมากมาย
ที่เคยรบกวนกันไม่ได้ จะรู้สึก
สบายใจขึ้น เราก็จัดการกับ
ความคิดได้อย่างใจเย็นลง
.
.

READ  จงคบค้ากับความร่ำรวย

“จะทำทีหลัง ไว้ค่อยทำทีหลัง”
มีหลายครั้งที่รู้ว่ามีบางอย่างที่
ผิดพลาดไป แต่เลือกปล่อยไว้
แทนที่จะแก้ไขให้ถูกต้องทันที
.
คนเราเมื่อหัวใจไม่มีที่ว่างมากพอ
สิ่งที่ทำได้ก็จะกลายเป็นทำไม่ได้
เพราะอ้างว่าชีวิตยุ่งเหยิงมาก
การหยุดพักสักครู่ ออกไปท่องเที่ยว
และให้เวลากับคนที่เรารักกลายเป็น
สิ่งที่ทำไม่ได้ในตอนนี้ไว้ทำทีหลัง
เลื่อนออกไปไว้ทีหลัง
.
หลังจากได้ลองทบทวนสิ่งที่
เคยคิดมากว่าจะทำหรือไม่ทำดี
กลับไปไม่มีอะไรน่าเสียดายเท่ากับ
ความคิดที่ว่า “ตอนนั้นน่าจะทำๆไป”
ช่วงที่เรารู้สึกกังวลหรือลังเลนั้น
มีเวลามากพอที่จะลงมือทำ
.
เราเป็นทุกข์เพราะต้องการความสุข
ยามที่อารมณ์ดีจะถูกห้อมล้อม
ไปด้วยความคาดหวังว่า
เราอาจทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ทั้งหมด
เหตุนี้จึงต้องทำให้ตัวเองซึมเศร้า
ขึ้นเล็กน้อย เวลาใครก็ตามพูดว่า
ซึมเศร้า เรานึกโยงไปถึงความรู้สึก
เสียใจกับความมืดสลัว ซึ่งเป็นปัจจัย
ของความคิดแง่ลบ กลับคิดว่า
ความรู้สึกซึมเศร้านี้ช่วยป้องกัน
ภาวะการตื่นตัวได้เช่นกัน
.
ไม่ชอบอาการตื่นเต้นที่เกิดขึ้น
เวลามีเรื่องคาดหวังหรือรู้สึกตื่นเต้น
ไม่แต่เป็นความรู้สึกผิดหวัง
และไม่สบายใจซึ่งเกิดหลังขึ้นจาก
ที่คาดหวังความผิดหวังทำให้คนเรา
เป็นทุกข์ได้อย่างง่าย
.
หากเราไม่คาดหวังเกินไป
และไม่เอาแต่เฝ้ามองเพียงอย่างเดียว
ก็น่าจะดีกว่า ขอเพียงอย่าลืมว่า
ความคาดหวังก็แค่สิ่งที่ปรารถนา
ความคาดหวังก็แค่ความรู้สึกที่
อยากให้เกิดขึ้น การที่เราไม่ได้รับ
ในสิ่งที่ต้องการไม่ใช่การสูญเสีย
และการที่ยังไม่ได้รับความสุข
ในแบบที่คาดหวังไว้ก็ไม่ใช่
การตกลงสู่ห้วงความทุกข์เช่นกัน
.
.
แม้แต่ในวันที่สูญเสียความฝัน
ก็ไม่อยากสูญเสียเสียงหัวเราะไป
ใครบางคนบอกไว้ว่า เราควรวางแผน
สำรองเพื่ออนาคตข้างหน้า
ต้องเตรียมตัวให้พร้อม
ต้องมีเป้าหมายและทิศทางที่
จะดำเนินชีวิตต่อไปได้ แต่สำหรับ
ใครบางคนทั้งหมดนั้นคือสาเหตุ
ที่ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นอีก
.
วิธีจะดำเนินชีวิตของแต่ละคนนั้น
แตกต่างกันไม่มีอะไรถูกผิด
การสูญเสียพื้นที่ว่างในหัวใจ
ถูกเวลาไล่ตาม หมดสิ้นเสียงหัวเราะ
และต้องอดทนตลอดทั้งวันนั้น
อาจจะน่ากลัวและขมขื่นยิ่งกว่า
การใช้ชีวิตไปอย่างกังวลใจ
โดยไม่คิดถึงอนาคตเสียอีก
แค่เราลองผ่อนคลายปล่อยวาง
เป้าหมายลงชั่วครู่ ใช้ชีวิตไปตามที่
เป็นไปอย่างล่องลอยเท่านี้นก็พอ
.
ถ้าไม่คุ้นชินกับความสุขจะรู้สึก
พะว้าพะวังอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่เรียก
ความคุ้นเคยคือความรู้สึกสบายใจ
ซึ่งในความสบายใจนั้นมอบพื้นที่ว่าง
ให้คนเราค้นพบคำตอบที่ถูกต้อง
ทำให้รู้สึกใจเย็นลง ถ้าเราคุ้นชิน
กับความทุกข์ ยามที่ตกลงสู่ห้วง
แห่งความทุกข์ ก็จะปล่อยความทุกข์
แล่นผ่านไปช้าๆได้ อย่างน้อยที่สุด
ก็ไม่พังทลายลงมา ในทางกลับกัน
ถ้าเราคุ้นเคยกับความสุข
ก็จะปลอบหัวใจที่เหนื่อยล้าด้วย
ความสุขนั้น และเป็นแรงขับเคลื่อน
ให้ชีวิตดำเนินไปบนโลกนี้ได้อีก
.
จงอย่าหลีกเลี่ยงไม่ว่าจะความสุข
ความทุกข์ ความดีใจ
หรือความเสียใจ ขอให้เผชิญหน้า
กับความรู้สึกนั้นตรงๆ
เมื่อคุณคุ้นเคยแล้วช่วงเวลาที่
มัวแต่ทุกข์ใจจนไม่อาจเพลิดเพลิน
กับความสุขได้ หรือช่วงเวลาที่
ตะเกียกตะกายอยู่ในความทุกข์
จนไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
ก็ค่อยๆลดลงเอง
.
.
คำโกหกที่เป็นพิษ ขณะที่เรา
ใช้ชีวิตอยู่นั้นมีบ่อยครั้งที่
ต้องพูดโกหก ทั้งคำโกหก
ที่ประสงค์ร้ายและคำโกหกที่เจตนาดี
เวลาพูดถึงเรื่องโกหกเราจะนึกถึง
การหลอกลวงคนอื่นเพื่อ
ผลประโยชน์บางอย่าง แต่การโกหก
ที่เราถนัดที่สุดกับเป็นการโกหก
เพื่อหลอกตัวเอง แกล้งเป็นอารมณ์ดี
แกล้งไม่เสียใจ โกหกเพื่อปิดบัง
สภาพจิตใจของตัวเองจากผู้อื่น
ติดจนเป็นนิสัยเวลาที่ใครพูดว่า
เป็นห่วงมักตอบไปอัตโนมัติว่า
“ไม่เป็นไร” พร้อมกับฝืนยิ้ม
.
อย่างน้อยที่สุดเราควรจริงใจ
กับตัวเอง ก่อนที่เราแสดงอารมณ์
ออกมาไม่ได้จริงๆ แสดงความรู้สึก
เท่าที่อยากแสดงออก หากเรา
ไม่เข้าใจสภาพจิตใจของตัวเอง
หรือไม่แสดงความรู้สึกที่แท้จริง
ออกมาเป็นระยะเวลานานๆ ที่สุดแล้ว
ต้องมีครั้งหนึ่งที่ชีวิตพังทลายลงมา
.
การสูญเสียตัวเองเป็นเรื่องน่าเศร้า
เวลาถูกคนอื่นก่อกวนความรู้สึกบ่อยๆ
อารมณ์ของเราก็มีแต่จะขุ่นมัว
พานไม่อยากทำอะไร จนบางครั้งก็นึก
ปล่อยวางทุกอย่างลง เพราะสีสัน
ตามธรรมชาติของเรากำลังจางหาย
ไปทีละน้อย
.
เวลาที่สีสันของเราค่อยๆจืดจางลง
แค่ในตอนที่รู้สึกว่าอยากทุ่มเท
ทำตามสิ่งที่ชอบ เช่น งานอดิเรก
ก็ไม่รู้แล้วว่าอะไรคือสิ่งที่เรา
ชอบจริงๆ สุดท้ายก็จะจบลง
สู่ความรู้สึกอ้างว้างอย่างง่ายดาย
.
นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ไม่ว่า
จะเกิดอะไรขึ้น แล้วก็ห้ามทอดทิ้ง
ตัวเองเป็นเด็ดขาด เพียงไม่หลงลืมว่า
ตัวเองเป็นคนแบบไหนก็จะหาวิธี
รับมือกับโลกที่แสนโหดร้ายใบนี้ได้
.
.
จัดห้องในหัวใจ หากไม่ทำ
ความสะอาดจนสะสมสิ่งต่างๆ
ขึ้นมากมายก็จะควบคุมได้ยาก
ถ้าเราใช้ชีวิตโดยเมินหัวใจตัวเอง
บ่อยๆ สิ่งที่สะสมอยู่ในหัวใจ
ก็จะลุกลามใหญ่โตจนไม่อาจ
จัดการได้ ท้ายที่สุดก็อัดระเบิด
ออกมาแตกเป็นเสี่ยงๆ ยิ่งทำให้เรา
รู้สึกทุกข์ทรมานขึ้นอีก
.
แม้ว่าจะจัดการกับสิ่งที่สะสมมา
ทั้งหมดไม่ได้ในคราวเดียว
แต่นับจากนี้ก็ควรจะฝึกจัดการ
ทีละนิด หากมีสิ่งที่ไม่จำเป็นจริงๆ
หรือดูรกตาก็จงทิ้งไปอย่างกล้าหาญ
.
ช่วงเวลาแสนหวานในการก่อเกิด
ความขี้เกียจ เป็นสิ่งที่ผู้คนทั้งหมด
จำเป็นต้องมี เพราะนี่คือเวลาที่มี
เอาไว้ให้เราทบทวนตัวเอง
โดยปราศจากความวิตกกังวล
ไม่ใช่ว่าแค่หยุดพักชั่วครู่
ก็ถูกความรู้สึกล้าหลังไล่ตาม
เป็นเวลาที่ทุกคนบนโลกผู้วุ่นวาย
คิดว่าไม่จำเป็นต้องมี แต่ที่แท้จริง
เป็นสิ่งสำคัญต่อโลกที่หมุนไปไว
ที่ผ่านมามัวแต่มองด้านหน้า
แล้ววิ่งทะยานออกไป โดยไม่รู้สึกว่า
ชีวิตอาจจะยาวนานกว่าที่คิดไว้มาก
.
.
คนที่รับรู้ถึงความสุขของเราคือ
ตัวเราไม่ใช่คนอื่น 
เราไม่จำเป็นต้องหวั่นไหวกับคำพูดของใคร
ต่อให้ผู้คนค่อนขอดว่าจะหากิน
จากอาชีพนั้นได้อย่างไร ต่อให้ผู้คน
แสร้งทำเป็นห่วงเป็นใยว่า คนวัยนี้
ควรต้องทำงานเก็บเงินไม่ใช่หรือ
แต่ทั้งหมดล้วนแล้วเป็นมาตรฐานชีวิต
ของพวกเขา เราแค่ทำในสิ่งที่เรารู้สึก
สนุกและพอใจกับมันให้เต็มที่
.
มาตรฐานที่ใครคนหนึ่งรู้สึกพึงพอใจ
เมื่อคนอื่นอาจมองรู้สึกว่าต้อยต่ำ
ซึ่งก็ไม่ผิดที่จะเป็นแบบนั้น
อย่าลืมว่าคนที่รับรู้ถึง
ความพึงพอใจกับความสุข
ไม่ใช่ “ใคร” แต่เป็น “ตัวเราเอง”
.
บางครั้งต้องอ่อนโยน บางครั้ง
ต้องแข็งกร้าว จงอย่าทอดทิ้งจิตใจ
ที่ดีงามไป และจงปฏิบัติต่อคนสำคัญ
ของเราอย่างอ่อนโยน แต่บางครั้ง
เพื่อปกป้องพวกเขา หรือเพื่อ
ปกป้องตัวเอง ก็อาจจะต้อง
แข็งกร้าวขึ้น ก้าวไปอย่างเข้มแข็ง
ไม่ดีไม่แย่เกินไป ในแต่ละ
สถานการณ์ ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม
พร้อมดำเนินชีวิตไป โดยไม่ยอม
สูญเสียตัวตนของเรา
.
วิธีลบความทรงจำที่เจ็บปวด
ยามนึกถึงความทรงจำที่เจ็บปวดแล้ว
จะไม่ปวดร้าวจนเกินไป แต่น่าเศร้า
สิ่งนี้ใช้กับหัวใจไม่ได้ เพราะยิ่งหัวใจ
คาดหวังว่าจะลืมก็ยิ่งไม่ลืม เวลาที่เรา
ปรารถนาจะลืมเลือนความทรงจำ
ที่แล่นผ่านไปแล้วจะถูกดึงออกมาใช้
อย่างต่อเนื่อง แทนที่เราจะฝืนลืมไป
เรามาสะสมความทรงจำใหม่ๆขึ้น
เมื่อสมัยเป็นทารกหรือตอนเด็กเล็กๆ
ที่จดจำอะไรไม่ได้แทนดีกว่า
ถ้าได้ลองมีชีวิตร่วมกับผู้คนใหม่ๆ
สักวันก็จะลืมได้เอง อาจลืมไม่ได้
สนิทใจ แต่อย่างน้อยเมื่ออารมณ์
เจ็บปวดจะจางหายไป วันหนึ่งเรา
อาจคิดได้ว่าสิ่งนี้เป็นแค่ความทรงจำ
.
.
คุณที่หวาดกลัวสายตาของผู้อื่น
บางคนมีนิสัยชอบใส่ใจสายตา
ของผู้อื่นเรียกว่า เป็นคนที่มัก
วิตกกังวลว่าคนอื่นคิดอย่างไรกับเรา
จะได้รู้ว่าควรปฏิบัติตัวต่ออีกฝ่าย
อย่างระมัดระวัง การที่รู้ว่าคนอื่น
ไม่ได้สนใจเราขนาดนั้น แต่ยังจดจ่อ
กับสายตาของพวกเขา ไม่ได้ทำให้
เราดูน่าเวทนาเท่านั้น แต่การที่เรา
ต้องอดทนกับวันที่เหนื่อยยาก
มีสิ่งที่ต้องสนใจและต้องทำ
เต็มไปหมด แล้วยังต้องใส่ใจ
แม้กระทั่งสายตาของผู้อื่น
นับเป็นเรื่องที่หนักหนาที่สุด
.
การที่เราจะไม่สนใจคนอื่นเลย
เป็นเรื่องยากมาก การมีชีวิตอยู่
โดยกังวลกับสายตาของใคร
ก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะทั้งหมดนั้น
มาจากความใส่ใจ แต่หากรู้สึกว่า
ยากลำบากและเหนื่อยหนักเกินไป
หันกลับมาพยายามเพื่อตัวเอง
อาจจะดีกว่าจงเตือนตัวเองเสมอว่า
“ไม่ต้องตั้งสติ”กับเรื่องแบบนี้มาก
การมีชีวิตอยู่อย่างเข้มแข็งต่างหากที่
ช่วยเติมเต็มพลังให้เรามีชีวิตต่อไปได้
.
ขอบเขตระหว่างการเป็นคนดี
กับคนเห็นแก่ตัว ในโลกนี้มีคนที่แย่มาก
และก็มีคนที่ดีมากเช่นกัน คอยรับฟัง
เรื่องราวของคนอื่นด้วยความใจเย็น
ช่วยปลอบโยนความวิตกกังวลใจ
ไม่ปฏิเสธคำขอร้องและเป็นผู้ฟังที่ดี
บางเรื่องแม้ตัวเองอาจเสียหาย
นิดหน่อยก็ยังยอมเสียสละ
อย่างเต็มใจ จนบางครั้งคนที่เห็น
อาจจะรู้สึกอัดอั้นโดยไร้เหตุผล
อยากท้วงขึ้นมาว่าอย่าให้ทั้งหมด
อย่าใช้ชีวิตเหมือนคนโง่เขลา
แค่ยิ้มรับพอเป็นพิธี ปฏิเสธคำขอร้อง
ของคนอื่นไปบ้างก็ไม่เป็นไร
.
เว้นระยะที่เหมาะสม หากเรา
ไม่กำหนดระยะห่างที่เหมาะสม
ท่ามกลางผู้คน เราก็อาจเข้าไป
ก้าวก่ายอีกฝ่ายและมอบบาดแผล
ที่ร้ายแรงให้แก่กันโดยไม่รู้ตัว
เนื่องจากไม่ยอมปรับเขตแดน
ระหว่างกันไว้อย่างชัดเจน
ทั้งเราและเขาเลยไม่รู้ว่าจุดไหน
ที่อาจทำให้ลำบากใจได้
.
ต่อให้เป็นกำแพงจะเตี้ยหรือบาง
ก็ไม่เป็นไร แม้จะพูดอย่าง
ขัดขืนและงุ่มง่ามก็จงเริ่มแสดง
ความรู้สึกต่อคำพูดและการกระทำ
ของอีกฝ่าย กำหนดเขตแดน
ของตัวเองขึ้นทีละน้อยๆ เพียงเท่านี้
ก็จรักษาความสัมพันธ์ที่ดี
โดยไม่ทำร้ายกันและกันได้แล้ว
.
.
เมื่อทางกายและใจได้พักผ่อน
อย่างเพียงพอแล้ว เราก็จะพร้อม
ก้าวเดินต่อไปได้อย่างเต็มที่😄

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า