ยิ่งอ่าน หนังสือ เร็วมากเท่าไร เราก็ยิ่งทำงานและพัฒนาตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น เพราะไม่เพียงแต่เราจะอ่าน หนังสือ เพิ่มเติมความรู้ให้ตัวเองได้มากขึ้นแล้ว
ในการอ่านเอกสาร ทำงานหาข้อมูลต่างๆ ก็จะทำได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นด้วย โดยเทคนิคง่ายๆ ที่ทำให้เราอ่านหนังสือได้เร็วมากขึ้นได้ ที่หลายคนอ่านไม่เคยรู้มาก่อน มีดังต่อไปนี้
1.กำจัดเสียงอ่านในใจทิ้งไปให้ได้
หลายๆ คนอาจไม่รู้ตัวเลยว่า ในขณะที่เราอ่านหนังสือนั้น แม้เราจะไม่ได้อ่านออกเสียงแบบเปล่งเสียงออกมา เราก็ยังคงมีเสียงอ่านในใจ มีเสียงในหัวตามไปด้วยเสมอ หรือบางคนก็อาจขยับปากตามไปด้วย
ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเราต่างถูกฝึกมากันแบบนี้ แต่ทว่า การที่เราอ่านหนังสือแล้วมีเสียงอ่านในใจตามไปด้วยนั้น คือตัวการสำคัญที่ทำให้เราอ่านหนังสือได้ช้าลง
เหมือนกับว่าความเร็วในการอ่านของเราถูกจำกัดอยู่แค่ “การเปล่งเสียงเป็นคำๆ ในใจของเราเท่านั้น” ดังนั้น คำแนะนำที่จะทำให้อ่านได้เร็วขึ้นคือ ต้องตัดเสียงในหัวทิ้งไปให้ได้ ให้เราอ่านได้ในรูปแบบ
“เห็นตัวอักษรแล้วปิ๊งความหมายขึ้นในหัวเลย” หรือจะเรียกว่าเป็นเทคนิคการอ่านแบบจำเป็นภาพถ่ายก็ได้ คือเราเห็นปุ๊บก็รู้เลย ไม่ต้องมานั่งอธิบายอะไรอีก เทคนิคนี้จริงๆ ก็จะคล้ายๆ กับการเรียนภาษา ที่เราโต้ตอบช้าเพราะ เราต้องมานั่งแปลไทยเป็นอังกฤษทีละคำนั่นเอง
ทั้งนี้ เทคนิคการอ่านแบบไม่มีเสียงในหัว แบบเห็นอักษรแล้วปิ๊งเป็นภาพเลย ถือเป็นเทคนิคสำคัญที่นักอ่านตัวยงทุกคนใช้ อย่างเช่น อีลอน มัสก์ เองก็ใช้เทคนิคการอ่านแบบนี้ ซึ่งทำให้เขาเป็นคนหนึ่งที่อ่านหนังสือได้เร็วมากๆ และอ่านได้เยอะมาก
2.มีสมาธิในการให้ได้มากขึ้น
ดูเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ไม่น่าจะใช้เป็นเทคนิคได้ แต่ความจริงก็คือ หลายๆ คนที่อ่านหนังสือได้ช้านั้น เป็นเพราะไม่มีสมาธิในการอ่านอย่างจริงจัง โดยอาการของคนที่ไม่มีสมาธิในการอ่านหนังสือก็คือ อ่านไปแล้วพอจะเปลี่ยนหน้า จะเปลี่ยนบท เกิดรู้สึกว่า
“จำอะไรไม่ได้เลย” ไม่เข้าใจ ไม่รู้อ่านอะไรไป จนทำให้ต้องกลับไปอ่านซ้ำวนใหม่ ก็เลยทำให้อ่านได้ช้า และทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายในการอ่านได้อีกต่างหาก
ทั้งนี้ วิธีการแก้ไขก็คือ ต้องตั้งเป้าหมายในการอ่าน ต้องถามตัวเองให้แน่ใจว่าอยากอ่านจริงๆ ใช่หรือไม่? แล้วเลือกสถานที่ที่เหมาะกับการอ่านหนังสืออย่างแท้จริง เพราะถ้าไม่มีใจที่จะพร้อมอ่าน แต่หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน
หรืออ่านหนังสือท่ามกลางความวุ่นวายที่ไม่เอื้ออำนวย สุดท้ายเราก็จะฟุ้งซ่าน ไม่มีสมาธิและอ่านไม่เข้าใจ บางทีเพียงแค่ 10-20 นาทีที่เรามีสมาธิในการอ่านเต็มที่ ก็ทำให้เราสามารถอ่านหนังสือได้มากกว่าครึ่งเล่มเลยทีเดียว
3.ใช้นิ้วเร่งความเร็วในการอ่าน
โดยปกติเวลาเราอ่านหนังสือ เราจะอ่านได้เร็วแค่ไหน ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับ “สายตา” ของเราที่ไล่อ่านตามตัวอักษรไปด้วย
ซึ่งบ่อยครั้งในการอ่านแบบปกติ เราอาจหลงบรรทัดจนอ่านติดขัด อ่านได้ไม่เร็วเท่าที่ควร หรือเราเองก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า จริงๆ แล้วเราอ่านได้เร็วกว่าที่เราเป็นอยู่
ทั้งนี้ การใช้นิ้วชี้กำกับบรรทัด แบบไล่ตัวอักษรไปเรื่อยๆ จะเป็นการ “เร่งจังหวะสายตาของเรา” ให้อ่านเร็วขึ้นได้
ยิ่งหากเราฝึกกำจัดเสียงในหัวเวลาอ่านทิ้งไปได้ด้วยแล้ว การไล่นิ้วของเราจะยิ่งเพิ่มความเร็วได้อีกหลายเท่าตัว แบบที่เราคาดไม่ถึงมาก่อนเลยทีเดียว
เราทุกคนต่างรู้ว่าการอ่านหนังสือเป็นเครื่องมือการพัฒนาตัวเองที่ดีเยี่ยมแค่ไหน ในขณะเดียวกันเราก็ตระหนักดีว่า “เวลา” ในแต่ละวันของเรานั้นมีค่ามากแค่ไหน
ดังนั้น หากเราอ่านหนังสือได้เร็วขึ้น ก็เสมือนกับเราทำให้ตัวเองมีเวลามากขึ้น และมีความรู้มากขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งเมื่ออ่านเป็นกิจวัตร ทำอย่างสม่ำเสมอแล้ว การอ่านหนังสือที่เร็วขึ้น จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงชีวิตเราได้อย่างแน่นอน ด้วยการทำให้เราเป็นคนมีความรู้มากขึ้น
และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะมีข้อมูลมากมายที่จะไว้ใช้แก้ไขปัญหาและโจทย์ต่างๆ ที่เจอในชีวิต