วิกฤตโควิดได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ธุรกิจที่ดูเหมือนจะมั่นคง ไม่มีทีท่าว่าจะมีปัญหา ก็เกิดปัญหาจนถึงขั้นต้องปิดกิจการได้เลย ซึ่งเป็นความจริงที่สะท้อนให้เราเห็นอย่างชัดเจนว่า ในการทำธุรกิจ ต้องปรับปรุง พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ก้าวผ่านทุกปัญหาการเปลี่ยนแปลงไปได้ ทั้งนี้ 6 สิ่งสำคัญที่ทุกธุรกิจจำเป็นต้องกลับไปทบทวนเพื่อปรับปรุงให้ดี ให้สามารถก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคงในยุคหลัง COVID-19 นั้น ได้แก่
1.ปรับปรุงโมเดลธุรกิจ จากเคย Fix เป็น Flexible มากขึ้น
จากเดิมที่เคยยึดมั่นกับการสร้างรายได้ทางเดียว ช่องทางเดียว ก็จำเป็นต้องมองหา Business Model ใหม่ที่ทำให้ธุรกิจสามารถสร้างรายได้จากทางอื่น และช่องทางอื่นๆ ได้มากขึ้น เพื่อให้หากเกิดวิกฤตคล้ายเดิม หรือวิกฤตใหม่ขึ้นมาอีก ธุรกิจเราจะได้รับมือได้ดีขึ้น เนื่องจากธุรกิจมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และไม่ได้พึ่งพารายได้จากทางใดทางเดิมเพียงทางเดียว
2.ปรับปรุงแผนการเงินใหม่ ใส่ใจกับ Cash Flow ให้มากขึ้น
เมื่อธุรกิจเกิดวิกฤต “กระแสเงินสด” ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่หากเราไม่มีการวางแผนรับมือให้ดี ไม่มีกระแสเงินสดใช้อย่างเพียงพอ ก็จะทำให้ธุรกิจไม่สามารถไปต่อได้ โดยเราต้องไม่ลืมเด็ดขาดว่า แม้กำไรจะสำคัญแค่ไหน แต่การมีกระแสเงินสดที่ทำให้ธุรกิจยังไปต่อได้ คือสิ่งที่จะทำให้ธุรกิจมีความมั่นคงมากที่สุด ดังนั้น บทเรียนจากวิกฤตโควิด จึงเป็นเครื่องสะกิดใจที่ดี ให้ทุกธุรกิจหันมาปรับปรุงแผนการเงินใหม่ให้ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไร ก็ยังมั่นคง อุ่นใจ อยู่ต่อไปได้
3.ปรับปรุงระบบจัดเก็บ DATA เพื่อพัฒนากลยุทธ์ขายสินค้าให้ดีมากขึ้น
แม้ทุกวันนี้ความสำคัญของ DATA จะถูกพูดถึงอย่างแพร่หลาย แต่หลายๆ ธุรกิจก็ยังไม่ได้ลงมาใส่ใจมากนัก ทำให้ไม่มีการจัดเก็บข้อมูลที่ดีพอ ที่เป็นระเบียบพอต่อการสร้างหรือปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เข้ากับทุกๆ สถานการณ์ของการทำธุรกิจ ดังนั้น ต่อจากนี้ไป เราจึงควรให้ความสำคัญกับการเก็บข้อมูลมากขึ้น ทั้งข้อมูลสินค้าใดขายดี สินค้าไหนขายไม่ได้ ข้อมูลการซื้อขายของลูกค้า ซื้อเมื่อไร ตอนไหน ใครซื้อ ซื้ออย่างไร ฯลฯ เพื่อให้มีวัตถุดิบเพียงพอในการนำไปใช้แก้สถานการณ์ กระตุ้นยอดขาย ทำให้ธุรกิจมีความมั่นคงอยู่ได้ แม้ในภาวะวิกฤต
4.ปรับปรุงวิธีการสื่อสาร ให้มีประสิทธิภาพและรอบด้านมากขึ้น
วิกฤตโควิดทำให้เราเห็นว่า “การสื่อสารบนโลกออนไลน์” สำคัญมากถึงขนาดที่ช่วยพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้เลย เพราะเมื่อการสื่อสารแบบออฟไลน์ แบบหน้าร้านใช้ไม่ได้ผล การสื่อสารผ่านออนไลน์จึงกลายเป็นทางหลักที่หากธุรกิจใดไม่มีก็ลำบาก หรือถ้ามีแต่ใช้การได้ไม่ดีพอ ก็อาจไม่สามารถพยุงตัวเองได้ไหว กลับกันกับธุรกิจที่สื่อสารบนช่องทางออนไลน์ได้ดี มีการรองรับการสื่อสารกับผู้บริโภค กับลูกค้าหลายช่องทาง ก็ทำให้ธุรกิจยังสามารถดำเนินต่อไปได้ แบบไม่ติดขัด แม้จะถูกขัดขวางจากสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย ซึ่งยุคหลังจากนี้ไป การสื่อสารผ่านทางออนไลน์ ถือเป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจจะขาดไม่ได้
5.ปรับปรุงวิธีการทำงาน ให้ทำได้ในทุกสถานที่
หลายธุรกิจที่ทำงานภายใต้ระบบแสกนนิ้วตอกบัตรมาตลอด พอถึงคราวปรับตัวที่ต้องทำงานแบบ Work From Home แม้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรมากก็แค่เปลี่ยนสถานที่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่สามารถทำให้ได้งานที่มีประสิทธิภาพออกมาได้เลย ทั้งนี้ เป็นเพราะยังไม่คุ้นเคยกับการทำงานรูปแบบใหม่มากพอ ดังนั้น ในแง่ของการทำงานต่อจากนี้ไป ทุกธุรกิจจะต้องสร้างแนวทางการทำงานรูปแบบใหม่ ที่ยืดหยุ่นและหลากหลายมากขึ้น ให้กลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรใหม่ ที่ทำงานได้ทุกสถานที่อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการเปลี่ยนรูปแบบการทำงานแบบไม่ Fix สถานที่นี้ ก็สามารถต่อยอดไปถึงการวางโครงสร้างการประเมินพนักงานรูปแบบใหม่ การจัดการต้นทุนสถานที่การทำงานใหม่ ที่ทำให้ธุรกิจมีต้นทุนลดลง ทำกำไรได้มากขึ้นได้อีกด้วย
6.ปรับปรุงทัศนคติความคิด รู้จักมองวิกฤตไว้ล่วงหน้า
แน่นอนว่าทุกคนที่ทำธุรกิจ ก็คิดฝันถึงภาพวันแห่งความสำเร็จด้วยกันทั้งนั้น แต่เพื่อให้ภาพความสำเร็จนั้นมีโอกาสเป็นจริงได้มากขึ้น เราก็ควร “คิดเผื่อถึงวันแย่ๆ เอาไว้ด้วย” อย่างวิกฤตโควิดที่เกิดขึ้น ก็ไม่มีใครรู้มาก่อนเลยว่าจะเกิด จึงรับมือไม่ทัน และพบกับจุดจบในที่สุด ดังนั้น ต่อจากนี้ไป การมองโลกในแง่ร้าย การคิดเผื่อกรณีเลวร้ายสำหรับธุรกิจเอาไว้ก่อนล่วงหน้า จึงถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้สามารถวางแผนรับมือเตรียมตัวได้ว่า ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา เราจะทำอย่างไรเพื่อให้ธุรกิจไปต่อได้ ซึ่งแผนการจากการคิดเผื่อดังกล่าว จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเรามีโอกาสรอดและรุ่งได้มากขึ้น แม้ในวันที่เลวร้ายที่สุด เพราะเราได้เตรียมตัวเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
เพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และมีปัญหา มีความท้าทายใหม่เกิดขึ้นได้ทุกวันเสมอ ดังนั้น การยึดติดอยู่กับอะไรเดิม ที่แม้จะดี จึงไม่ใช่สิ่งที่จะการันความสำเร็จความมั่นคงได้อีกแล้ว ทุกธุรกิจหลังจากยุคโควิดไป จึงจำเป็นต้องหันกลับมาใส่ใจ ตัวเองให้มากขึ้น หันกลับมาทบทวน Business Model Canvas ใหม่ และปรับปรุงแก้ไข เปลี่ยนแปลงให้ธุรกิจนั้น สามารถดำเนินได้ต่อไปท่ามกลางโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง ซึ่งเราจะไม่ได้เป็นเพียงแค่การปรับปรุงเพื่ออยู่รอดเท่านั้น แต่จะเป็นการปรับปรุงเพื่อก้าวเติบโตก้าวไกลไปให้ได้อย่างมั่นคงที่สุด