ปัจจุบันหากพูดถึง Netflix เชื่อว่าใครหลาย ๆ คนต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีแน่นอน เพราะไม่ว่าจะดูภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือรายการจากทั่วทุกมุมโลก ก็สามารถดูได้จากเว็ปไซต์นี้ แต่รู้หรือไม่ว่าเหตุผลที่ทำให้ Netflix เติบโตจนมาเป็นสุดยอดบริษัทสตรีมมิ่งภาพยนตร์ออนไลน์ได้ถึงทุกวันนี้นั้น เกิดจากระบบการทำงานที่แปลกใหม่ และน่าสนใจมากเลยทีเดียว
รีด เฮสติ้ง ผู้ก่อนตั้ง Netflix และเอริน เมเยอร์ ได้ร่วมกันเขียนหนังสือที่เป็นเหมือนตำราเคล็บลับสู่ความสำเร็จของบริษัทไว้ ซึ่งได้รับกระแสฮือฮาจากทั่วโลก ซึ่งใครจะรู้ว่า กฎการทำงานในบริษัทนี้ คือ “กฏที่ไม่มีกฏ” วันนี้เราจะมาสรุปแง่คิดการบริหารองค์กรที่ตราตรึงคนทั้งโลกจากหนังสือ NETFLIX กฎที่นี่ คือไม่มีกฎ
เลือกหัวข้ออ่าน
วัฒนธรรมองค์กร Freedom & Responsibility
“อิสระที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบ” เป็นหัวใจสำคัญในองค์กรของ Netflix เพราะรีด เฮสติ้งเชื่อว่าหากพนักงานสามารถเลือกวันลาพักร้อนของตัวเองได้ โดยไม่จำกัดวัน พูดคุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนร่วมทีมได้อย่างอิสระ หรือแม้กระทั่งมีอำนาจในการอนุมัติหรือตัดสินใจแทนหัวหน้าได้ จะทำให้งานที่ออกมานั้นมีประสิทธิภาพและเกิดความสร้างสรรค์ได้เป็นอย่างดี นอกจากรีดจะยึดหลักนี้เป็นหัวใจสำคัญแล้ว เขายังได้มีเคล็ดลับอีก 3 เคล็ดลับที่ช่วยทำให้บริษัทมาสู่ความสำเร็จแบบนี้ได้เช่นกัน
3 เคล็ดลับสู่ความสำเร็จแบบ NETFLIX
1.สร้างสิ่งแวดล้อมที่มีแต่คนเก่ง (Build up talent density)
ช่วงหนึ่งที่บริษัท Netflix จำเป็นต้องคัดพนักงานออกเนื่องจากปัญหาทางด้านเศรษฐกิจในตอนนั้น ทำให้รีดเกิดความกังวลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน และแนวทางของบริษัทเป็นอย่างมาก แต่.. เมื่อเหตุการณ์ Lay Off พนักงานผ่านไปเพียงอาทิตย์เดียวบรรยากาศในที่ทำงานก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง สภาพแวดล้อมของการทำงานเปี่ยมไปด้วยความสุข และความกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น นี่คือผลจากการที่ที่ทำงานรายล้อมไปด้วยคนเก่งนั่นเอง
รีดได้ค้นพบว่าการที่เรามีทีมทำงานได้ในระดับพอใช้ เพียงสองคนก็ฉุดให้ผลงานของทั้งทีมต่ำลงได้ และมีแนวโน้มจะทำให้คนเก่ง ๆ กลายเป็นคนที่ทำงานในระดับพอใช้ได้เช่นกัน ดังนั้นแล้วหากในบริษัทมีแต่คนเก่ง เพียงไม่กี่คนก็สามารถทำให้เกิดงานที่สร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพได้นับไม่ถ้วน
2.เพิ่มความตรงไปตรงมา (Increase candor)
ในสภาพแวดล้อมที่เต็มเป็นด้วยคนเก่งก่อให้เกิดวัฒนธรรมของการ Feedback หรือการพูดติชมถึงผลงานกันมากขึ้น นับว่าเป็นผลดีเป็นอย่างมาก เพราะเคล็ดลับที่ 2 ได้กล่าวถึงการเพิ่มความตรงไปตรงมาระหว่างคนในบริษัท ทั้งนี้การให้คำติชม หรือแนะนำในผลงานควรเกิดขึ้นทันที และมีวิจารณญาณ
แน่นอนว่าหลายคนที่อ่านในข้อนี้ต้องสงสัยกันอย่างแน่นอนว่าการติชมกันนั้นเป็นผลดีก็จริง แต่หากเกิดคนที่ใช้อารมณ์นำ หรือไม่ยอมรับคำตินั้นเลยละ รีดจะพิจารณพนักงานด้วยความเก่งก็จริง แต่หากบุคคลนั้นไม่มีวิจารณญาณ และทัศนคติที่ดีก็จะถูกเชิญออกเช่นเดียวกัน นี่คือเหตุผลที่คนในบริษัทสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้อย่างตรงไปตรงมาขั้นสุด
นอกจากการพูดแลกเปลี่ยนกันอย่างตรงไปตรงมาแล้ว การเปิดเผยความลับในบริษัทอย่างโปร่งใสก็เป็นสิ่งที่รีดทำมาตลอดเช่นกัน รีดคิดว่าตนเองไม่จำเป็นต้องมีห้องปโต๊ะ หรือการพูดคุยถึงเรื่องตัวเลขผลประกอบการกับพนักงานให้เหมือนการคุยเรื่องชีวิตทั่วไปก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ทั้งนี้เป็นเพราะว่าการที่เราเปิดใจคุยกับใครด้วยความโปร่งใสนั้น จะก่อเกิดความเคารพ และความเชื่อใจต่อกันได้เป็นอย่างดี นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้พนักงานในบริษัท NETFLIX สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ เพราะไม่ต้องมัวมองเรื่องความลับ หรือการแบ่งระดับชนชั้นต่าง ๆ
เมื่อพูดถึงการแบ่งชนชั้น เมื่อบริษัทใช้แนวทางการทำงานที่จริงใจต่อกันแค่ไหน แต่ก็อยู่ในขอบเขตที่น่าสนใจ เพราะพวกเขาจะไม่ทำงานกันเป็นเหมือนครอบครัว แต่จะทำงานกันเหมือนทีมกีฬาเสียมากกว่า หากใช้ระบบครอบครัว แน่นอนว่าจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงเรื่องของการลดหย่อน หรือปราณีปรานอมได้ แต่ถ้าเป็นระบบของทีมกีฬานั้น พนักงานทุกคนจะเปรียบเสมือนผู้เล่นที่มีตำแหน่งของตนเองอย่างชัดเจน และมีเป้าหมายในการเล่นอย่างชัดเจน เมื่อจำเป็นต้องมีการแก้ไข หรือปรับเปลี่ยนผู้เล่นก็จะเข้าใจกติกาของเกม และยอมรับมันได้นั่นเอง
3.ลดการควบคุม (Reduce controls)
รีดค้นพบว่าการที่ให้พนักงานสามารถเลือกวันลาพักร้อนเองได้ทำให้งานที่ทำออกมามีประสิทธิภาพ เขาได้บอกไว้ว่าหากบริษัทกำหนดวันหยุดไว้ในแต่ละเดือน พนักงานก็จะโฟกัสไปที่วันหยุดมากกว่าการริเริ่มคิดงานใหม่ ดังนั้นในแง่ของการทำงานสร้างสรรค์ควรปล่อยให้สมองทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพของมัน และเมื่อพนักงานของเขาต้องการพัก ส่วนมากจะกลายเป็นการออกไปหาแรงบันดาลใจเพื่อกลับมาทำงานต่อด้วยซ้ำ
นอกจากนี้รีดยังลดการควบคุมเกี่ยวกับเรื่องการเบิกค่าใช้จ่ายการเดินทางต่าง ๆ อีกด้วย เขาเชื่อว่าการที่พนักงานเป็นคนที่เก่งและมีวิจารณญาณมากพอนั้น จะทำให้สามารถคำนวณความเหมาะสมในเรื่องการขอเบิกค่าต่าง ๆ เรานี้ได้เป็นอย่างดี เช่น กรณีที่พนักงานจำเป็นต้องนั่งเครื่องบินเพื่อไปประชุมด่วน เลยขอเบิกเป็นที่นั่ง Bussiness Class เขาก็จะอนุมัติให้โดยไม่มีข้อสงสัย เพราะหากเป็นความจำเป็นเรื่องประสิทธิภาพของงานมันก็คือสิ่งที่ถูกต้อง
จากเคล็บลับทั้ง 3 ข้อนี้ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าการมีพื้นฐานสภาพแวดล้อมพนักงานในบริษัทที่เป็นคนเก่งและวิจารณญาณนั้นส่งผลให้ผลงานและบรรยากาศภายในบริษัทเป็นไปในทิศทางที่ดีมากขึ้น และเมื่อรีดจัดวางเรื่องของการเปิดใจและลดการควบคุมเข้าไปอีกก็ยิ่งช่วยเสริมให้พนักงานของ NETFLIX มีโอกาสในการปล่อยให้สมองทำงาน ริเริ่มสร้างสรรค์ผลงานที่มีประสิทธิภาพได้นั่นเอง