Search
Close this search box.
mark zuckerberg

Work Like a Success : 3 แนวทางในการทำธุรกิจ ที่พาชีวิตมาร์ค ซักเคอร์เบิร์กสู่ความสำเร็จ

ปัจจุบันแทบไม่ต้องบรรยายอะไรมาก เราก็น่าจะรู้จักและทราบกันดีว่า “มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก” คือใคร ทุกวันนี้เราทุกคนก็ต่างใช้ชีวิตอยู่บนโลกที่มาร์กสร้างขึ้น แม้หลายคนจะพยายาเอาตัวเองออกจากเฟสบุค แต่วิถีชีวิตเราก็มีเฟสบุคเป็นหนึ่งในนั้นไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะการทำงาน การเรียน การซื้อของ ฯลฯ เฟสบุคได้เชื่อมเราทุกคนไว้ด้วยกัน และนั่นก็นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์ของ “เด็กอัจฉริยะ” คนหนึ่งที่มีปัญหาตาบอดสี แต่สามารถประสบความสำเร็จได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งวันนี้เราจะพาไปพบกับความคมความคิดของมาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก กันว่า เขาคิดและใช้ชีวิตในการทำงานอย่างไร ถึงได้พาตัวเองให้ก้าวไกลประสบความสำเร็จได้ในแบบทุกวันนี้

 

  1. สร้างสิ่งที่ง่ายกว่าให้ได้ก่อน แล้วเราจะประสบความสำเร็จได้ก่อนใครคนอื่น

ในโลกของธุรกิจ บริการหรือผลิตภัณฑ์ใดก็แล้วแต่ที่สามารถให้ความสะดวกสบายและตอบโจทย์ผู้บริโภคมากที่สุด ธุรกิจนั้นย่อมได้รับชัยชนะสูงสุด การมาของอินเตอร์เน็ตที่ทำให้คนเราเชื่อมถึงกันนั้นเปิดโลกเราให้กว้างใหญ่ขึ้น แต่ซักเกอร์เบิร์กก็ไม่ได้หยุดแค่นั้น เขาใช้ประโยชน์ของอินเตอร์เน็ตทำให้เกิดการเชื่อมถึงกันแบบง่ายกว่า สร้างสังคมออนไลน์ที่ไร้ขอบเขตขึ้นมาภายใต้อาณาจักรของเฟสบุค โดยเปรียบเสมือนเป็นโลกอีกใบที่ทำให้ทุกคนติดต่อกันได้อย่างสะดวกสบาย ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคนเราที่มันซับซ้อนและเกิดขึ้นได้ยากกลายเป็นเรื่องง่าย จนสุดท้ายเฟสบุคก็กลายเป็นธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่คนเสพติดความสะดวก ความง่าย จนไม่สามารถตัดขาดออกจากชีวิตได้ง่ายมากนัก นี่คือหนึ่งในแนวทางการทำงานของซักเกอร์เบิร์ก ที่ทำให้เราเห็นว่า ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในโลกธุรกิจหรือโลกของการทำงานนั้น สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อเราทำเรื่องยากๆ ในโลกแห่งความเป็นจริง ให้กลายเป็นเรื่องง่าย ทำให้ชีวิตของผู้คน ทำให้ความต้องการของผู้คนสมปรารถนาให้ได้ง่ายที่สุด เหมือนกันกับครั้งหนึ่งที่เขาเคยกล่าวไว้ว่า

 

“I think a simple rule of business is,
if you do things that are easier first,
then you can actually make a lot of progress.”

 

  1. จงหาสิ่งที่หลงใหลที่สุดให้เจอ แล้วคุณจะพบเจอหนทางสู่ความสำเร็จ

ตั้งแต่เด็กมาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก หมกมุ่นอยู่กับการเขียนซอฟต์แวร์ มาร์กคือเด็กที่ค้นพบตัวเองว่ามีความหลงใหลในเรื่องใดตั้งแต่ชั้นประถม และเขาก็ใช้เวลาอยู่กับมันเนิ่นนานเสมอมา นั่นจึงไม่แปลกเลยที่ว่าทำไมเขาถึงกลายเป็นหนึ่งในคนที่อายุน้อยที่สุดในโลก แต่ประสบความสำเร็จในระดับโลกได้ ถึงขั้นที่ นิตยสาร วานิตีแฟร์ ได้ยกให้ซักเคอร์เบิร์กติดอันดับ 1 ในปี 2010 ของรายชื่อ “100 อันดับ บุคคลที่มีอิทธิพลที่สุดในยุคข้อมูล” เหล่านี้คือพลังของการค้นหาตัวเองเจอ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ใครก็ตามที่อยากจะประสบความสำเร็จควรทำให้ได้ เพราะมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ได้กับสิ่งที่เราไม่ได้ชอบ ไม่ได้หลงรักหลงใหลในตัวมัน ดังนั้น ถ้าเราคือหนึ่งในคนที่อยากจะประสบความสำเร็จได้แบบที่ซักเกอร์เบิร์กเป็น เราก็ต้องทำตามอย่างที่มาร์กทำให้เห็นและเคยพูดไว้ว่า จงค้นให้พบสิ่งที่คุณหลงใหลมันที่สุดในชีวิต และใช้ชีวิตทั้งหมดของคุณทุ่มเทให้กับมัน

“Find that thing you are
super passionate about.”

 

  1. ความสำเร็จไม่เกิดขึ้นกับแค่คนที่ดีแต่พูด แต่เกิดขึ้นกับคนที่พิสูจน์ให้เห็นจริงด้วยการกระทำ

ในโลกของธุรกิจ ไม่สิ ต้องบอกว่าในโลกของความสำเร็จทุกศาสตร์ทุกแขนง คนที่ก้าวไปอยู่บนจุดสูงสุดที่ได้รับการยอมรับจากทุกคนนั้น ไม่ใช่แค่คนที่คิดเก่ง และพูดเก่ง แต่ต้องเป็นคนที่ทำให้เห็นสิ่งที่เขาคิดเขาพูดได้จริง โลกของความสำเร็จวัดกันที่ผลของงาน เมื่อใดก็ตามที่คุณมีความคิดที่ดี ที่ล้ำหน้าทุกคนบนโลก เมื่อนั้นถือว่าคุณมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ แต่มันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยถ้าคุณไม่สามารถสร้างมันให้กลายออกมาเป็นความจริงได้ เพราะแท้จริงแล้วผู้คนไม่ได้จดจำสิ่งที่คุณพูดเลย แต่พวกเขาจดจำสิ่งที่คุณทำให้เห็นมากกว่า เฟสบุคของมาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก คือผลงานของการพิสูจน์ความจริงเรื่องนี้ได้ดีที่สุดชิ้นหนึ่ง ด้วยจำนวนตัวเลข Active Users ที่มากเป็นอันดับหนึ่งของโลก ที่กว่า 2,000 คน ถือเป็นโซเชียลมีเดียที่มีคนใช้มากที่สุด แม้ว่าจะมีข่าววิกฤตอะไรเกิดขึ้นมากแค่ไหนก็ตาม นั่นเองที่สะท้อนให้เราเห็นอย่างหนึ่งว่า ไม่ว่าใครจะพูดอะไร ไม่ว่าปัญหาน้อยใหญ่จะถาโถมหนักขนาดไหน ผลงานที่เราสร้างไว้เท่านั้น ที่จะเป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จของเราได้ดีที่สุด เหมือนกับที่มาร์ก เคยกล่าวไว้ว่า

 

People don’t care about what you say,
they care about what you build.”

 

ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าเฟสบุคจะสามารถครองความนิยมต่อไปได้อีกนานแค่ไหน และก็ตอบไม่ได้อีกเช่นกันว่าต่อไปในอนาคตข้างหน้า จะมีผลงานอะไรที่มาแทนที่เฟสบุคได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ตอบได้ชัดเจนก็คือ เฟสบุคคือผลงานชิ้นโบว์แดง ที่เป็นตัวอย่างที่ดีที่ทำให้เราเห็นว่า ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จ เราก็จำเป็นต้องสร้างผลงานที่เป็นประโยชน์กับคนในวงกว้าง สร้างสิ่งที่ง่ายที่สุด แต่ตอบโจทย์ที่สุด และเมื่อเราสร้างมันขึ้นมาได้เมื่อไร สิ่งนั้นนั่นแหละจะเป็นตัวนำพาเราไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้เอง แต่กับการจะสร้างผลงานแบบนี้ขึ้นมาให้ได้นั้น ล้วนต้องอาศัยแรงกายแรงใจอย่างมหาศาล และจำเป็นต้องเป็นงานที่เราหลงใหลมันมากที่สุดด้วย เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว เราก็คงอดทนมุ่งมั่นอยู่กับการสร้างผลงานที่เป็นตั๋วสู่ประตูความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ใบนี้ได้…ไม่นานพอ

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า