อาหารแต่ละคำที่ลูกค้ารับประทาน คือ คำตอบที่จะบอกเราได้ว่า ร้านอาหารของเราจะไปได้ไกลแค่ไหน คำพูดนี้อาจจะเป็นจริงในยุคก่อนที่คุณพ่อคุณแม่ของเราจะส่งไลน์สวัสดีตอนเช้ากันทุกวันแบบนี้ มันไม่ใช่แค่รสชาติหรือหน้าตาของอาหาร ที่จะเป็นตัวชี้อนาคตของร้านอาหารอีกต่อไปแล้ว
ภาพของร้านอาหารรสธรรมดาแต่ลูกค้าเต็มร้าน เป็นไปได้ในยุคที่เราเข้าถึงลูกค้าง่ายขึ้นด้วยการตลาดออนไลน์ แต่การตลาดออนไลน์ไม่ใช่เพียงแค่ สร้างเพจแล้วยิงโฆษณา ยังมีอะไรที่ต้องทำมากกว่านั้นครับ บทความนี้เราจะพาไปรู้จักอีกคำ ที่มีความหมายมากในการทำการตลาดออนไลน์ นั่นคือ คำสำคัญ Keyword นั่นเองครับ
Keyword ที่เราต้องเข้าใจให้ดีคือ ร้านอาหารของเรา ต้องการสื่อสารอะไรออกไปให้ลูกค้ารับรู้บ้าง เมนูเด่นของร้านเราคืออะไร จุดขายคืออะไร ทำไมลูกค้าเห็นโฆษณาบนเฟสบุ๊คของเพจเราแล้ว เขาจึงจะอยากมาทาน ในช่วงเริ่มต้นมันอาจจะฟังดูกว้างๆ หาคำตอบได้ไม่ชัดเจนนัก
ไม่ใช่เพียงแค่อ่านบทความนี้นะครับ เราอยากขอให้คุณหยิบปากกา กระดาษ เอามาเขียนดูครับ นึกคำอะไรออก ก็ลองเขียนกันออกมาได้เลย แล้วค่อยนำมาจัดหมวดหมู่ ลำดับความสำคัญกันใหม่ หลายๆกรณีศึกษาพบว่า Keyword ที่ร้านอาหารนิยมหยิบมาใช้ทำการตลาดออนไลน์มักจะเป็น
- เมนูเด่นของร้าน
ข้อนี้ชัดเจนมากครับ การเลือกเมนูเช่น กุ้งแม่น้ำเผา ปลากะพงทอดน้ำปลา ทอดมันกุ้ง การนำเอาคำเหล่านี้มาทำเป็น Keyword เพื่อทำการสื่อสาร ว่าถ้าคุณลูกค้ากำลังมองหาอาหารประมาณนี้ แวะมาหาเราได้เลย - ทำเลของร้าน
บอกไปเลยว่า ร้านเราอยู่ไหน ทำเลไหน เดินทางไปอย่างไร การเลือกใช้ Keyword นี้เพื่อจับกลุ่มคนที่ต้องการเดินทางไปทานอาหารในบริเวณนั้นโดยตรง เรียกว่า เอาชนะกันด้วยความสะดวกให้ลูกค้าเดินทางมาสะดวกก่อนเลย - ประเภทของร้าน
เช่น ร้านอาหารคลีน ร้านอาหารซีฟู้ด ร้านอาหารตามสั่ง การนำเสนอแบบนี้ทำให้ลูกค้ารู้ได้ทันทีว่า มาที่ร้านจะได้เจอกับอาหารแนวไหนบ้าง เป็นการนำเสนอกว้างๆ
พอเราเลือกได้แล้วว่าจะนำเสนอแฟนเพจร้านอาหารของเราไปในแนวทางใด ก็ถึงเวลาสำรวจตัวเลขข้อมูลกันสักนิด เป็นตัวเลขสถิติการค้นหาของคนทั่วไป เป็นฐานข้อมูลของ Google โดยตรง เช่น
อาหารคลีน มีคนค้นหา 49,500 ครั้งต่อเดือน
กุ้งเผา มีคนค้นหา 18,100 ครั้งต่อเดือน
ต้มยำกุ้ง มีคนค้นหา 14,800 ครั้งต่อเดือน
ร้านอาหารบางแสน มีคนค้นหา 8,100 ครั้งต่อเดือน
กุ้งเผาอยุธยา มีคนค้นหา 5,400 ครั้งต่อเดือน
การที่เราเลือกคำสำคัญ Keyword บางคำไปเช็คข้อมูลมาจะพบว่า การทำการตลาดออนไลน์โดยการใช้เครื่องมืออย่าง Google Ads จะได้ผลดี การทำเว็บไซต์หรือช่อง YouTube ให้ติด SEO ทำให้มีคนค้นหาแล้วเจอ ยังมีช่องว่างให้เราทำได้ เรียกว่าตลาดมีความต้องการรอยู่แล้ว ก็จะทำการตลาดด้วยหลักการดึงดูดได้ง่ายกว่า ( การทำเว็บไซต์แล้วรอให้คนมาค้นพบ ด้วยการทำ SEO และการทำ Google Ads )
ถ้าเราค้นหาแล้วในคำสำคัญนั้น มีคนค้นหาน้อยมาก หรือไม่มีเลย ก็ไม่ได้หมายความว่าจะขายไม่ได้ เพราะอาจจะเป็นเมนูใหม่ หรือเป็นชื่อใหม่ที่เราตั้งขึ้นเอง คิดค้นเอง ก็ทำให้ต้องใช้การตลาดออนไลน์แบบที่สร้างความต้องการ สร้างความรับรู้ ซึ่งจะเหมาะกับการทำการตลาดออนไลน์บน facebook มากกว่า
เช่นเมื่อเราค้นว่า “ อาหารเสริมสำหรับเด็กเล็ก ” จะพบว่ามีคนค้นหาเพียง 20 ครั้งต่อเดือนเท่านั้นเอง แบบนี้ถ้าเราอยากทำจริงๆ ก็ต้องลุยด้วย facebook เป็นหลัก ซึ่งก็มีทางเป็นไปได้ เพราะ keyword นี้บอกกลุ่มเป้าหมายชัดเจน คือ คุณแม่ที่มีลูกเล็ก เราก็ตามหาพวกเขาบน facebook ได้ไม่ยากแล้ว
หลักการตลาดออนไลน์ไม่ได้มีเอาไว้เพื่อขายของเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญในช่วงก่อนการขายอีกด้วย รวมทั้งยังมีเครื่องมือต่างๆ ที่นำมาใช้ในการทำการตลาดได้อีกมากมาย เพียงแต่เรามักให้นิยามการตลาดว่าเป็นเพียงการขายเท่านั้น เราจึงไม่ได้ใช้ประโยชน์จากการตลาดออนไลน์ได้เต็มที่ ถ้าคุณเป็นเจ้าของร้านอาหารเพียงรู้ว่า keyword ไหนมีคนหามากแค่ไหน มันเป็นศาสตร์เกี่ยวกับจิตวิทยาการรับรู้ด้วย บางทีแค่เปลี่ยนชื่อเมนูใหม่ ชีวิตก็อาจเปลี่ยนไปได้อย่างสิ้นเชิง
