GE Matrix ได้รับการพัฒนาโดยกลุ่มที่ปรึกษาของ Mckinsey and Company ในปี 1970 คือ ตารางเซลล์ทั้ง 9 ที่วัดความแข็งแกร่งของหน่วยธุรกิจเทียบกับความน่าดึงดูดใจของอุตสาหกรรม หน่วยธุรกิจสามารถเป็นผลิตภัณฑ์, กลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมด, บริการ หรือแม้แต่แบรนด์ คุณสามารถพล็อตหน่วยที่เลือกเหล่านี้บนกริด และสิ่งนี้จะช่วยคุณในการพิจารณาว่าจะใช้กลยุทธ์ใด
ความน่าดึงดูดของอุตสาหกรรม (Industry Attractiveness)
ปัจจัยที่คุณสามารถเลือกใช้รวมถึง
- ขนาดตลาด
- การเติบโตของตลาด
- ปัจจัย PESTEL: การเมือง, เศรษฐกิจ, สังคม, เทคโนโลยี, สิ่งแวดล้อม, กฎหมาย
- Porters Five Forces: การแข่งขันที่มีในตลาด, อำนาจการต่อรองของผู้ซื้อ, อำนาจการต่อรองของซัพพลายเออร์, ภัยคุกคามของผู้ประกอบการใหม่, ภัยคุกคามจากสินค้าทดแทน
คุณต้องตัดสินใจว่าจะใช้ปัจจัยใดเป็นปัจจัยกำหนด เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้จะถูกนำไปใช้กับหน่วยธุรกิจทั้งหมด
ขั้นตอนที่ 1 : ตัดสินใจกำหนดปัจจัย
ขั้นตอนที่ 2 : ให้ตัวเลขการถ่วงน้ำหนักแก่ปัจจัยแต่ละตัวตามขนาดของมัน (เช่น ทำให้น้ำหนักรวมของปัจจัยทั้งหมดรวมกันเป็น 1.00 หรือ 10.00 เป็นต้น)
ขั้นตอนที่ 3 : ให้คะแนนแต่ละหน่วยธุรกิจเทียบกับแต่ละปัจจัยในระดับ ตัวอย่างเช่น 1 – 5 โดยที่ 1 มีเสน่ห์อย่างยิ่งและ 5 นั้นไม่น่าดึงดูดอย่างยิ่ง
ขั้นตอนที่ 4 : ให้คะแนนแบบถ่วงน้ำหนักในแต่ละหน่วยธุรกิจในแต่ละปัจจัยโดยการคูณคะแนนด้วยน้ำหนักของปัจจัยนั้น
ขั้นตอนที่ 5 : รวมคะแนนถ่วงน้ำหนักทั้งหมดสำหรับแต่ละหน่วยธุรกิจ
จุดแข็งของหน่วยธุรกิจ (Business Unit Strength)
ปัจจัยในการพิจารณาว่าหน่วยนั้นแข็งแกร่งเพียงใด เมื่อเทียบกับหน่วยอื่น ๆ ในอุตสาหกรรม ได้แก่
- ส่วนแบ่งการตลาด
- การเติบโตของส่วนแบ่งการตลาด
- แบรนด์สินค้า
- อัตรากำไรเมื่อเทียบกับการแข่งขัน
- กระบวนการช่องทางการจัดจำหน่าย
ทำซ้ำขั้นตอนที่ 1 ถึง 5 ตอนนี้คุณมีหน่วยวัดแล้ว คุณสามารถพล็อตหน่วยธุรกิจของคุณบน GE Matrix และขึ้นอยู่กับว่าวางแผนไว้ที่ใด ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดกลยุทธ์ของคุณจากตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่งต่อไปนี้
1.เติบโต/ลงทุน (Grow/Invest)
โดยทั่วไปมีส่วนแบ่งการตลาดสูงและให้ผลตอบแทนสูงในอนาคตจึงควรลงทุน
2.รักษา/เลือก (Hold/Selectivity)
อาจคลุมเครือและควรลงทุนก็ต่อเมื่อมีเงินเหลือหลังจากลงทุน ในหน่วยที่ทำกำไรได้
3.เก็บเกี่ยว/ถอนตัว (Harvest/Divest)
หน่วยที่มีประสิทธิภาพต่ำในอุตสาหกรรมหรือไม่น่าสนใจ สิ่งนี้ควรลงทุนหากสามารถทำเงินได้มากกว่าที่ใส่เข้าไป
โมเดลนี้มีประโยชน์มากสำหรับการวิเคราะห์หน่วยธุรกิจของคุณ โดยพิจารณาจากหลายปัจจัย ในการทำเช่นนั้นคุณจะมีจุดเริ่มต้นในการสร้างกลยุทธ์ในการจัดสรรทรัพยากรและขยายผลิตภัณฑ์
Resource : https://www.professionalacademy.com