มัลคอล์ม แกลดเวลล์ (Malcolm Gladwell) ซึ่งเป็นผู้เขียนหนังสือ Outliers หรือที่มีชื่อหนังสือว่า “สัมฤทธิ์พิศวง” ซึ่งเนื้อหาของหนังสือก็มีประมาณว่า “ทำไมบางคนถึงประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่น และจะเพิ่ม “โอกาสนั้น” ให้กับตัวคุณเองได้อย่างไร” แต่เดียวก่อน บทความนี้ผมไม่ได้มาแนะนำหนังสือ แต่ผมก็แนะนำนั้นเเหละว่าเป็นหนังสือที่น่าอ่านเลยทีเดียว มาเข้าเรื่องกันดีกว่า มีบทๆหนึ่งในหนังสือเล่มนี้ ซึ่งกล่าวก็คือ ” กฎ 10,000 ชั่วโมง “
มัลคอล์ม แกลดเวลล์ ผู้ซึ่งไม่เชื่อว่าการมีพรสวรรค์จะนำไปสู่ความสำเร็จ การฝึกฝนต่างหากที่จะนำพาไปสู่ความเป็นสุดยอด เขากล่าวว่า “เราทุกคนสามารถที่จะมีความเชี่ยวชาญในด้านใดด้านหนึ่งได้ หากเราใช้เวลากับมันอย่างต่ำ 10,000 ชั่วโมง หนึ่งหมื่นชั่วโมงนี้ไม่ได้หมายความว่าทำ 1 หนึ่งชั่วโมงเเล้วนอนทับมันอีก 9999 ชั่วโมง 10,000 ชั่วโมงนี้หมายความว่า คุณต้องทำมันให้ครบ 10,000 ชั่วโมง ไม่ว่าจะในเรื่องของ ดนตรี กีฬา ภาษา คอมพิวเตอร์ การวาดรูป คณิตศาสตร์ หรือ การเงิน การลงทุน
ถ้าหากเราทุ่มเทฝึกฝนกับสิ่งนั้นวันละกี่ชั่วโมงและจะต้องใช้เวลากี่ปี
ฝึกวันละ 1 ชม. ใช้เวลา 10000 วัน หรือ 27 ปีกว่าๆ
ฝึกวันละ 2 ชม. ใช้เวลา 5000 วัน หรือ ราว 14 ปี
ฝึกวันละ 4 ชม. ใช้เวลา 2500 วัน หรือ ประมาณ 7 ปี
ฝึกวันละ 8 ชม. ใช้เวลา 1250 วัน หรือ เกือบๆ 4 ปี
ฝึกวันละ 12 ชม. ใช้เวลา 833 วัน หรือ ประมาณ 2 ปี
เพื่อนๆบางคนเข้ามาทำธุรกิจเพราะมีเวลาว่าง อยากหารายได้เสริม แต่พอลงมือสมัครและให้เรียนรู้จริงๆ กลับบอกไม่มีเวลา ไม่แม้แต่จะเรียนรู้ บางคนทำสองสามวัน วันละไม่ถึงห้านาที บอกทำไม่ได้ละ ลองอ่านบทความนี้ดูนะครับ แล้วลองตั้งความสำเร็จ ตั้งเป้าหมายดูครับ จากนั้นบอกกับตัวเองว่าจะยอมเสียอะไรเพื่อที่จะได้ตามเป้าหมายนั้น คุณพร้อมจะสละเวลา พร้อมจะลงทุนเท่าไหร่ ถ้าทำงานประจำวัน 8-10 ชั่วโมงได้สองหมื่น แล้วทำงานวันละ 1-2 ชั่วโมงได้สองหมื่น คุณว่ามันดีมากไหมครับ ถ้ามันมีโอกาส ย้ำว่า มีโอกาส ได้มากกว่านั้นอีกจะเป็นอย่างไร แต่ปัญหาคือ แค่ 1-2 ชั่วโมงยังทำไม่ได้ นี่แหล่ะปัญหา โมเดล รูปแบบธุรกิจไม่ได้มีปัญหา ความคิดของคุณนั่นแหล่ะ ปัญหาที่แท้จริง
มาดูตัวอย่างของกลุ่มบุคคลผู้ที่เคยผ่าน กฎ 10,000 ชั่วโมง
เดอะบีตเทิลส์ (The Beatles) ก่อนที่พวกเขาจะโด่งดัง เข้าไม่เพียงแต่การเล่น หรือซ้อมในเมืองลิเวอร์พูลเท่านั้น แต่มีช่วงหนึ่งที่พวกเขาไปเล่นที่คลับระบำเปลื้องผ้าแห่งหนึ่งในฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมัน ชื่อ “อินทรา” ที่นั่นเขาเล่นดนตรีสัปดาห์ละ 7 วัน แต่ละคืนมากกว่า 5 ชั่วโมงขึ้นไป ชั่วโมงบินของบีทเทิลส์จึงสูงลิ่ว ว่ากันว่า พอพวกเขามาเล่นดนตรีที่สหรัฐอเมริกา พวกเขาก็สามารถชนะใจคนดูด้วยความสามารถในการบิ้วท์อารมณ์คนดูได้เหนือกว่าวงอื่นๆในสมัยนั้น ในตอนที่พวกเขาประสบความสำเร็จใน พ.ศ. 2507 เดอะบีทเทิลส์แสดงสดไปแล้ว 1,000 ครั้ง ขณะที่วงดนตรีปัจจุบันส่วนใหญ่แสดงกันไม่ถึง 1,200 ครั้งตลอดชีวิตนักดนตรีของพวกเขา
บิล เกตส์ หรือ วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ที่สาม ก่อนที่บิลเกตส์ จะกบฏต่อชีวิตมหาวิทยาลัย เขามี ” โอกาส – ความพยายาม – การฝึกฝน” ในเรื่องคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่อายุ 15-16 ปี เป็นระดับหนักหน่วง 8 ชั่วโมงต่อวัน 7 วันต่อสัปดาห์ ความรู้ความชำนาญในเรื่องคอมพิวเตอร์ของเขาสูงกว่านักศึกษาระดับปริญญาตรี หลายสิบหลายร้อยเท่า เขาจึงสามารถทิ้งใบรับปริญญาอย่างไม่ใยดีได้ ใครก็ตามที่คิดจะเอาอย่างเพียงแค่เดินออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อแสวงหาความ สำเร็จด้วยตนเอง ขณะที่ข้างในกลวง หรือไม่เจ๋งจริง ก็อย่าหวังว่าจะประสบความสำเร็จเหมือนบิลเกตส
Tiger Woods เขาโดนพ่อทรมานมาตั้งแต่ 2 ขวบ ฝึก 10 ชั่วโมงต่อวัน ตลอด 20 ปี ไม่มีวันหยุด เท่ากับว่าตอนนี้ ชั่วโมงการฝึกสะสมของ Tiger ได้เกิน 80,000 ชั่วโมงไปแล้ว –นั่นเท่ากับว่า ไม่มีใครในโลกที่จะฝึกได้เท่ากับ Tiger ในอายุที่เท่ากัน และนี่จึงทำให้ Tiger เป็นที่หนึ่งของโลก — วิธีที่จะทำให้ได้แบบ Tiger คือ คุณต้องเริ่มทรมานลูกคุณตั้งแต่ 1 ขวบ (ก่อน Tiger 1 ปี) และบังคับให้ลูกคุณตีกอล์ฟ วันละ 10 ชั่วโมง ตลอดระยะเวลา 20 ปี (ห้ามมีวันหยุด)
วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett ) ซึ่งเคยได้รับตำแหน่งเป็นมหาเศรษฐีระดับ 2 ของโลก เขาเป็นตัวอย่างของนักลงทุน ที่ให้ความสำคัญกับคุณค่าของหุ้นที่เขาลงทุน (Value Investor) ปรัชญาการลงทุนของนายบัฟเฟตต์ คือ “กฎข้อที่หนึ่ง: อย่ายอมเสียเงิน และกฎข้อที่สอง: อย่าลืมกฎข้อ 1″ เขายึดถือและใช้กฎนี้ในการลงทุนอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 50 ปี
” ต้องทำงานหนัก สำหรับวอร์เรนแล้ว เขาฟันธงเลยว่า ส่วนใหญ่แล้วการทำงานหนักจะนำผลกำไรมาให้ ในขณะที่การพูดมากแต่ไม่ทำ กลับจะนำความยากจนมาให้แทน แบบนี้เข้าตำราว่า “อย่ามัวแต่ตั้งท่าชก ให้ชกเลย” จึงจะได้คะแนนชนะการต่อสู้ “
” อย่าขี้เกียจ เขาได้ยกตัวอย่างที่น่าสนใจมาก ว่า “ขนาดกุ้งมังกรตัวโตๆ ถ้ามัวแต่นอนหลับ ยังสามารถถูกกระแสน้ำพัดลอยไปได้” หมายความว่าถ้าคุณไม่ทำอะไรเลย มัวแต่รอคอยความหวัง คุณจะต้องตกอยู่ในวังวนวิกฤตการณ์ทางการเงินนี้ต่อไปอย่างแน่นอน “
ท้ายสุดเเล้วผู้เขียนเห็นว่า การจะเป็นยอดคนในสิ่งนั้นๆ ไม่ได้เกิดจาก “พรสวรรค์” ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด เพียงแต่เกิดจากการฝึกฝน การทุ่มเท และความมีระเบียบวินัยกับสิ่งนั้นๆ ซึ่งการอดทน ทุ่มเท ให้กับสิ่งนั้นๆได้นั้น ต้องประกอบด้วยอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ “ความรัก” ถ้าขาดซึ่งสิ่งนี้ ผมเชื่อว่า ชีวิตท่านคงทรมานกับกฎ 10,000 ชั่วโมง เป็นอันแน่นอนและที่สำคัญบางสิ่งบางอย่างนั้น เราอาจจะต้องค่อยๆเคี้ยว ซึ่งแน่นอนถ้าหากเราทำมันอย่างมีวินัยและความรัก ผมเชื่อว่า 10000 ชั่วโมงคงผ่านได้อย่างไม่ลำบากแน่นอน
สรุปเนื้อหาโดย gsoclub