ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งที่ผู้ประกอบการเผชิญ คือ การค้นหา สินค้า ที่ทำกำไรและเป็นที่ต้องการในตลาด ไม่ว่าจะเป็น สินค้า เดี่ยวหรือกลุ่ม สินค้า เต็มรูปแบบที่เป็นที่ต้องการเฉพาะกลุ่ม (Niche Market)
วิธีค้นหาสินค้าที่จะขาย
1. ต้องแก้ไข pain point ของลูกค้า
การแก้ pain point หรือจุดเจ็บปวดของลูกค้ามักเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาสินค้า ควรให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดเมื่อใดก็ตามที่คุณสังเกตเห็นความไม่พอใจกับสินค้าที่มีอยู่ เพื่อหาสินค้าที่ตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาลูกค้าได้ ส่งผลถึงกำไรที่จะตามมาในอนาคต
2. ดึงดูดจากงานอดิเรกที่ชื่นชอบ
โดยปกติแล้วลูกค้าประเภทนี้มักมีแนวโน้มที่จะจ่ายเพื่อให้ได้สินค้าที่ตรงตามความต้องการ อาจเพิ่มการมีส่วนร่วมและความภักดีต่อแบรนด์ของคุณในระดับที่สูงขึ้น เพื่อให้ลูกค้าได้รับคุณค่ามากขึ้นจากสินค้าที่พวกเขาซื้อ
3. ความหลงใหลส่วนตัว
การทำในสิ่งที่ชอบ จะเป็นตัวขับเคลื่อนและเป็นแรงจูงใจในการทำธุรกิจที่ดีสุด แม้ว่าจะมีความเสี่ยงหรืออุปสรรคมากแค่ไหน แต่การใช้ความรู้ในการสร้างและวางตำแหน่งสินค้าที่ไม่เหมือนใครสามารถทำกำไรได้อย่างมากแน่นอน
4. ความเชี่ยวชาญ
การเปลี่ยนความเชี่ยวชาญของคุณให้กลายเป็นธุรกิจออนไลน์เป็นวิธีที่ชาญฉลาดในการเข้าสู่ตลาดด้วยขั้นตอนที่ยากที่ผู้อื่นจะทำซ้ำหรือเลียนแบบ
5. ตามเทรนด์ให้ทัน
การรับรู้เทรนด์เร็วพออาจเป็นชัยชนะครั้งสำคัญสำหรับธุรกิจใหม่ ช่วยให้คุณสามารถสร้างตัวตนในตลาดและเป็นผู้นำก่อนคนอื่น และด้วยลักษณะของการตลาดดิจิทัล การใช้จ่ายอาจจะลดลงและโอกาสในการสร้างการเข้าชมด้วย SEO ในระยะยาวอาจมีมากขึ้น
กุญแจสำคัญคืออย่าสับสนระหว่าง “แฟชั่น” กับ “เทรนด์” แฟชั่นคือสิ่งที่อาศัยความแปลกใหม่หรือลูกเล่นเท่านั้น ในขณะเดียวกันเทรนด์เป็นสิ่งที่ตอบสนองความต้องการที่มีอยู่ในรูปแบบใหม่ซึ่งเป็นสาเหตุที่ความต้องการของพวกเขาอยู่ได้นานกว่าแฟชั่น
วิธีในการจับตาดูสิ่งที่กำลังมาแรงเพื่อให้คุณดำเนินการกับโอกาสที่เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ได้แก่
- Social listening: เป็นการใช้เครื่องมือการฟังทางสังคมเพื่อระบุและติดตามแนวโน้มในช่วงเวลาหนึ่งผ่านช่องทางโซเชียลต่างๆ
- Google Trends: ความนิยมของหัวข้อต่างๆในช่วงเวลาหนึ่งและดูว่ามีความสนใจอะไรเพิ่มขึ้น
- Trend Hunter: เป็นชุมชนเทรนด์ยอดนิยมที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อระบุข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคและโอกาสใหม่ๆที่เกิดขึ้น
- Reddit: เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ประเภทเว็บบอร์ด สามารถสร้างสังคมออนไลน์ในแบบฉบับของตนเองได้
6. รีวิวสินค้า
ไม่ว่าคุณจะขายสินค้าออนไลน์อยู่แล้วหรือไม่ก็ตาม มีข้อมูลเชิงลึกมากมายที่คุณสามารถรวบรวมได้จากบทวิจารณ์ของลูกค้า หากคุณยังไม่มีร้านค้าให้ดูบทวิจารณ์ของลูกค้าเกี่ยวกับแบรนด์และสินค้าอื่นๆในอุตสาหกรรมที่คุณต้องการสำรวจ มีการแบ่งปันความคิดเห็นเกี่ยวกับ “ สิ่งที่อยากได้” เกี่ยวกับการปรับปรุงสินค้าที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว หรือสินค้าเพิ่มเติมที่ลูกค้านำเสนออย่างสม่ำเสมอ
7. ค้นหาใน keywords
เป็นการค้นหาสินค้าอย่างมีกลยุทธ์โดยพิจารณาจากข้อความค้นหาที่ผู้คนใช้, จำนวนการค้นหาต่อเดือนและการแข่งขันโดยรวมสำหรับการค้นหาเหล่านั้น
8. ทดสอบการตลาดก่อนเปิดตัว
หากคุณมีไอเดียอยู่แล้ว แต่ยังไม่พร้อมที่จะลงทุนเยอะ ให้ลดการลงทุนของคุณและทดสอบตลาดด้วยการสร้างหน้า Landing Page เพื่อโปรโมตสินค้า อาจจะทิ้งอีเมลไว้หรือเสียเงินโฆษณาเพื่อดึงดูดการเข้าชม
9. ดูสิ่งที่กำลังมาแรงในตลาดออนไลน์
คุณสามารถรวบรวมแรงบันดาลใจโดยดูว่าอะไรเป็นที่นิยมและกำลังมาแรงในตลาดอื่นๆ ดูเว็บไซต์ เช่น Amazon, Etsy และ eBay ค้นหาด้วยคำว่า “กำลังฮอต”, “ต้องการมากที่สุด” และหมวดหมู่อื่น ๆ ที่แสดงถึงความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน เป็นต้น
ในหน้า Amazon แต่ละหน้าคุณสามารถดู “อันดับผู้ขายดีที่สุด” เพื่อดูว่าสินค้านั้นได้รับความนิยมเพียงใดในหมวดหมู่นั้น สินค้าขายดีใน Amazon เป็นแหล่งที่มาของแรงบันดาลใจได้ดี
10. วิจัยสินค้าที่มีกำไรสูงขึ้น
คุณต้องคำนึงถึงไม่เพียงแต่ค่าใช้จ่ายในการผลิตสินค้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงค่าใช้จ่ายในการโปรโมต, ถือครองและจัดส่งด้วย มองหาสินค้าราคาประหยัดที่สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ได้สูง โปรดจำไว้ว่าสินค้าน้ำหนักเบา ค่าใช้จ่ายในการจัดส่งจะถูกกว่า
11. เริ่มการค้นหาด้วยสินค้าที่เกี่ยวข้อง
ตรวจสอบรายการที่เกี่ยวข้องหรือสินค้าที่ลูกค้ามักซื้อร่วมกัน Amazon เป็นแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์ เนื่องจากมีหลายตำแหน่งที่ไซต์แสดงความเกี่ยวข้องกับสินค้า
- A. สินค้าที่ลูกค้ามักซื้อด้วยกัน
- B. สินค้าอื่นๆที่ลูกค้าซื้อบ่อย
- C. สินค้าที่คล้ายกันที่ Amazon แนะนำ
- D. สินค้าที่เกี่ยวข้อง
12. มองหาโอกาสอยู่เสมอ
แนวคิดใหม่ๆสามารถปรากฏขึ้นในช่วงเวลาที่ไม่คาดคิดที่สุด และสิ่งสำคัญคืออย่าละทิ้งความคิดที่เป็นไปได้ที่คุณอาจมี เก็บรายการไว้ในสมาร์ทโฟนของคุณหรือจดใส่กระดาษเพื่ออ้างอิงในภายหลังเมื่อถึงเวลาทำการวิจัยตลาดสำหรับแนวคิดสินค้าของคุณ
การเลือกสินค้าหรือหมวดหมู่ที่เหมาะสมอาจเป็นประโยชน์ต่อความสำเร็จของคุณ สินค้าที่คุณเลือกจะกำหนดธุรกิจทั้งหมดตั้งแต่การตลาด, การจัดส่ง, การกำหนดราคาไปจนถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม
อย่ากลัวที่จะมองไปที่หมวดหมู่สินค้าที่เล็กและเฉพาะกลุ่ม(Niche) แม้ว่าจะมีลูกค้าโดยรวมน้อยลง แต่ก็มักจะชดเชยโดยการมีคู่แข่งน้อยลงและกลุ่มเป้าหมายที่มากขึ้น การแข่งขันเป็นสิ่งที่ดีเพราะสามารถตรวจสอบความต้องการที่มีอยู่สำหรับสินค้าได้ แต่การแข่งขันในปริมาณที่เหมาะสมจะยิ่งดีกว่าเพราะคุณจะมีโอกาสเติมเต็มความต้องการที่ไม่เหมือนใครและเข้าถึงลูกค้าได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
Resource: https://www.shopify.com/blog/product-opportunities
