😀50 Prompt เพิ่มประสิทธิภาพ สำหรับงานประจำวัน ใช้ได้ทุกคน
.
หมวดที่ 1: การวางแผนและจัดการงาน (Planning & Task Management)
Prompts ในหมวดนี้ช่วยให้คุณจัดลำดับความสำคัญ, แบ่งย่อยงานที่ซับซ้อน และวางแผนการทำงานได้อย่างเป็นระบบ
1 วางแผนงานรายวัน:
“ช่วยวางแผนงานสำหรับวันนี้ โดยมี task หลัก 3 อย่างคือ [สัมภาษณ์งานตำแหน่ง X], [เตรียมพรีเซนต์โปรเจกต์ Y], และ [ส่งรีพอร์ตประจำสัปดาห์] ช่วยจัดลำดับความสำคัญและประมาณเวลาที่ต้องใช้สำหรับแต่ละงาน”
2 แบ่งย่อยโปรเจกต์:
“ฉันมีโปรเจกต์ [ชื่อโปรเจกต์] ที่ต้องทำให้เสร็จใน [จำนวน] สัปดาห์ ช่วยแตกงาน (breakdown) ออกเป็นเฟสย่อยๆ พร้อม timeline และ task ที่ต้องทำในแต่ละเฟสให้หน่อย”
3 สร้าง To-Do List จากข้อมูล:
“จากอีเมลฉบับนี้ [วางเนื้อหาอีเมล] ช่วยสรุป action items ทั้งหมด และสร้างเป็น to-do list ที่ชัดเจน พร้อมระบุผู้รับผิดชอบ (ถ้ามี)”
4 จัดลำดับความสำคัญ:
“นี่คืองานทั้งหมดที่ฉันต้องทำในสัปดาห์นี้ [ลิสต์งานทั้งหมด] ช่วยจัดลำดับความสำคัญโดยใช้ Eisenhower Matrix (สำคัญ/ไม่สำคัญ, ด่วน/ไม่ด่วน) ให้หน่อย”
5 วางแผนเป้าหมายรายไตรมาส:
“ช่วยร่างเป้าหมายการทำงาน (OKRs) ของฉันในไตรมาสนี้ โดยมีเป้าหมายหลักคือ [ระบุเป้าหมายหลัก เช่น เพิ่มยอดขาย 15%] ช่วยแตก Key Results ที่สามารถวัดผลได้ออกมา 3 ข้อ”
หมวดที่ 2: การสื่อสารและอีเมล (Communication & Email)
ช่วยร่างอีเมลที่ชัดเจน, สุภาพ และตรงประเด็น ทำให้การสื่อสารของคุณเป็นมืออาชีพมากขึ้น
6 ร่างอีเมลฉบับร่าง:
“เขียนอีเมลถึง [ชื่อผู้รับ/แผนก] เพื่อ [วัตถุประสงค์ เช่น ขอข้อมูล, นัดประชุม, แจ้งอัปเดต] โดยใช้โทนภาษาที่เป็นทางการและสุภาพ”
7 สรุปอีเมลยาวๆ:
“สรุปประเด็นสำคัญและ action items จากอีเมล chain ขนาดยาวนี้ [วางเนื้อหาอีเมลทั้งหมด] ให้เหลือ 3-5 ข้อหลักๆ”
8 เขียนอีเมลติดตามงาน (Follow-up):
“ร่างอีเมลติดตามงาน (follow-up) เรื่อง [หัวข้อ] ที่เคยส่งไปเมื่อ [วันที่/สัปดาห์ที่แล้ว] ถึง [ชื่อผู้รับ] เพื่อสอบถามความคืบหน้าอย่างสุภาพ”
9 เขียนอีเมลปฏิเสธอย่างมืออาชีพ:
“ช่วยเขียนอีเมลปฏิเสธคำเชิญเข้าร่วม [กิจกรรม/โปรเจกต์] อย่างสุภาพ พร้อมให้เหตุผลสั้นๆ ว่า [เหตุผล เช่น ตารางงานไม่ลงตัว] และแสดงความขอบคุณ”
10 เขียนประกาศภายใน:
“เขียนประกาศภายในถึงทีมงาน เรื่อง [หัวข้อประกาศ เช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบาย WFH] โดยมีรายละเอียดสำคัญคือ [รายละเอียด 1, 2, 3] และระบุว่าให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ [วันที่]”
หมวดที่ 3: การประชุม (Meetings)
เตรียมตัวก่อนประชุม, สรุปหลังประชุม และทำให้ทุกการประชุมมีประสิทธิภาพสูงสุด
11 สร้างวาระการประชุม (Agenda):
“สร้าง agenda สำหรับการประชุมเรื่อง [หัวข้อการประชุม] ในวันที่ [วัน/เวลา] มีผู้เข้าร่วมคือ [รายชื่อ/ตำแหน่ง] โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ [วัตถุประสงค์]”
12 สรุปการประชุม:
“จากบันทึกการประชุมนี้ [วางบันทึกการประชุมดิบ] ช่วยสรุปมติที่ประชุม (key decisions) และผู้รับผิดชอบพร้อมเดดไลน์ (action items) ให้หน่อย”
13 เตรียมคำถามสำหรับการประชุม:
“ฉันกำลังจะมีการประชุมเพื่อระดมสมองเกี่ยวกับ [หัวข้อ] ช่วยลิสต์คำถามปลายเปิด 5-7 ข้อเพื่อกระตุ้นให้ทีมเกิดไอเดียใหม่ๆ”
14 ร่างอีเมลเชิญประชุม:
“เขียนอีเมลเชิญประชุมทีม [ชื่อทีม] เพื่อหารือเรื่อง [หัวข้อ] ใน [วัน/เวลา] ผ่าน [ช่องทาง เช่น Google Meet] พร้อมแนบ agenda ที่เตรียมไว้”
15 เตรียมประเด็นสำคัญเพื่อนำเสนอ:
“ช่วยสรุปประเด็นสำคัญ 3 ข้อที่ฉันต้องพูดในที่ประชุม [ชื่อการประชุม] เพื่อนำเสนอเกี่ยวกับ [หัวข้อ] ให้กระชับและตรงประเด็นที่สุดภายใน 5 นาที”
หมวดที่ 4: การวิเคราะห์ข้อมูลและรายงาน (Data Analysis & Reporting)
เปลี่ยนข้อมูลดิบให้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่เข้าใจง่าย และช่วยสร้างรายงานได้อย่างรวดเร็ว
16 สรุปข้อมูล:
“จากข้อมูลชุดนี้ [วางข้อมูลตาราง หรือผลสำรวจ] ช่วยสรุปแนวโน้ม (trend) ที่น่าสนใจ และ high-light ตัวเลขที่สำคัญที่สุดให้หน่อย”
17 เขียนบทสรุปสำหรับผู้บริหาร:
“เขียน Executive Summary สำหรับรายงาน [ชื่อรายงาน] โดยสรุปปัญหา, วิธีการ, ผลลัพธ์ที่สำคัญ, และข้อเสนอแนะ ให้เหลือความยาวไม่เกิน 1 ย่อหน้า”
18 หา Insight จาก Feedback:
“วิเคราะห์ Feedback ของลูกค้าเหล่านี้ [วาง Feedback จากลูกค้า] และจัดกลุ่มเป็นหมวดหมู่ เช่น [ปัญหาด้านผลิตภัณฑ์, คำชมด้านบริการ, ข้อเสนอแนะอื่นๆ] พร้อมสรุปประเด็นหลัก”
19 แนะนำรูปแบบการนำเสนอข้อมูล:
“ฉันมีข้อมูลเกี่ยวกับ [ประเภทข้อมูล เช่น ยอดขายรายเดือนเทียบกับค่าโฆษณา] ควรใช้กราฟประเภทไหน (เช่น กราฟแท่ง, กราฟเส้น, pie chart) ในการนำเสนอข้อมูลนี้ให้น่าสนใจและเข้าใจง่ายที่สุด”
20 อธิบายศัพท์เทคนิคให้เข้าใจง่าย:
“ช่วยอธิบายคำว่า ‘[คำศัพท์เทคนิค เช่น Churn Rate หรือ CAC]’ ให้คนที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเข้าใจง่ายๆ โดยใช้การเปรียบเทียบ”
หมวดที่ 5: การเขียนและสร้างสรรค์คอนเทนต์ (Writing & Content Creation)
ช่วยคิดไอเดีย, ร่างเนื้อหา, และปรับแก้ข้อความสำหรับงานเขียนทุกประเภท
21 ร่างบทความ/บล็อก:
“ร่างโครงสร้างบทความเกี่ยวกับ ‘[หัวข้อ]’ โดยแบ่งเป็น Introduction, 3 หัวข้อย่อย, และ Conclusion พร้อมเขียนย่อหน้าแรกเพื่อดึงดูดความสนใจ”
22 คิดแคปชั่นสำหรับโซเชียลมีเดีย:
“เขียนแคปชั่น 3 แบบสำหรับโพสต์ลง [แพลตฟอร์ม เช่น LinkedIn, Facebook] เพื่อโปรโมท [สินค้า/บริการ/กิจกรรม] โดยใช้โทนภาษาที่ [เช่น เป็นกันเอง, มืออาชีพ]”
23 ปรับแก้และพิสูจน์อักษร:
“ช่วยอ่านทบทวนและแก้ไขข้อความนี้ [วางข้อความ] ให้มีภาษาที่สละสลวยขึ้น, แก้ไขคำผิด, และปรับโทนให้ดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น”
24 คิดหัวข้อที่น่าสนใจ:
“ช่วยลิสต์ไอเดียหัวข้อ (Headline) 5 แบบสำหรับ [บทความ/อีเมลข่าว] เกี่ยวกับเรื่อง [หัวข้อ] ให้มีความน่าสนใจและดึงดูดให้คนอยากคลิกอ่าน”
25 เขียนสคริปต์วิดีโอ/พอดแคสต์:
“เขียนสคริปต์สั้นๆ ความยาว 1 นาที สำหรับ [วิดีโอ/พอดแคสต์] ในหัวข้อ ‘[หัวข้อ]’ โดยแบ่งเป็นช่วงเปิด, เนื้อหาหลัก, และช่วงปิดท้าย (call to action)”
หมวดที่ 6: การแก้ปัญหาและตัดสินใจ (Problem Solving & Decision Making)
ช่วยให้คุณมองเห็นปัญหาจากหลายมุมมอง และสร้างทางเลือกในการตัดสินใจที่ดีขึ้น
26 ระดมสมองหาสาเหตุของปัญหา:
“ทีมของเรากำลังเจอปัญหา [ระบุปัญหา เช่น ยอดขายตก] ช่วยลิสต์สาเหตุที่เป็นไปได้ทั้งหมด โดยใช้หลัก 5 Whys หรือ Fishbone Diagram”
27 วิเคราะห์ข้อดี-ข้อเสีย:
“ฉันกำลังตัดสินใจระหว่าง [ทางเลือก A] กับ [ทางเลือก B] ช่วยสร้างตารางเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย (Pros and Cons) ของแต่ละทางเลือกหน่อย”
28 จำลองสถานการณ์:
“ถ้าเราตัดสินใจ [เลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่ง] ช่วยวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น (potential impact) ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ พร้อมทั้งเสนอแนวทางป้องกันความเสี่ยง”
29 สร้าง Framework การตัดสินใจ:
“ช่วยสร้างเกณฑ์การตัดสินใจ (decision criteria) สำหรับการเลือก [เช่น ซัพพลายเออร์, โปรแกรม Software ใหม่] โดยมีหัวข้อ เช่น ราคา, ฟีเจอร์, การบริการหลังการขาย, ความน่าเชื่อถือ”
30 หาแนวทางแก้ไขปัญหา:
“จากปัญหานี้ [อธิบายปัญหา] ช่วยเสนอแนวทางการแก้ไขที่เป็นไปได้ 3 แนวทาง โดยแต่ละแนวทางให้ระบุทรัพยากรที่ต้องใช้และผลลัพธ์ที่คาดหวัง”
หมวดที่ 7: การระดมสมองและสร้างสรรค์ไอเดีย (Brainstorming & Idea Generation)
กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และช่วยให้คุณหลุดจากกรอบความคิดเดิมๆ
31 สร้างไอเดียใหม่:
“ช่วยระดมสมองหาไอเดียสำหรับ [แคมเปญการตลาด, กิจกรรมภายในบริษัท, ชื่อโปรดักต์ใหม่] อย่างน้อย 10 ไอเดีย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องข้อจำกัดใดๆ”
32 คิดจากมุมมองอื่น:
“ถ้าคุณเป็น [ลูกค้า, คู่แข่ง, พนักงานใหม่] คุณจะมอง [โปรดักต์/ปัญหา] ของเราอย่างไร และมีข้อเสนอแนะอะไรบ้าง”
33 ใช้เทคนิค SCAMPER:
“นำไอเดียเกี่ยวกับ [ผลิตภัณฑ์หรือบริการปัจจุบัน] มาต่อยอดโดยใช้เทคนิค SCAMPER (Substitute, Combine, Adapt, Modify, Put to another use, Eliminate, Reverse) ให้หน่อย”
34 หาไอเดียจากสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน:
“ลองเชื่อมโยงระหว่าง ‘[ธุรกิจของเรา เช่น ร้านกาแฟ]’ กับ ‘[สิ่งที่ดูไม่เกี่ยวข้องกัน เช่น อวกาศ]’ แล้วสร้างเป็นไอเดียใหม่ๆ สำหรับ [เช่น การตลาด, การออกแบบร้าน]”
35 คิดสโลแกนหรือ Tagline:
“ช่วยคิดสโลแกนสำหรับแบรนด์ [ชื่อแบรนด์] ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ [ประเภทธุรกิจ] โดยเน้นที่ [จุดเด่นของแบรนด์] มา 5 แบบ”
หมวดที่ 8: การเรียนรู้และพัฒนาตนเอง (Learning & Self-Development)
ช่วยสรุปความรู้, สร้างแผนการเรียนรู้ และเตรียมตัวสำหรับการเติบโตในสายอาชีพ
36 สรุปเนื้อหา:
“สรุปประเด็นสำคัญจากบทความนี้ [วางลิงก์หรือเนื้อหา] ให้เหลือไม่เกิน 5 ข้อ เพื่อให้ฉันเข้าใจภาพรวมได้อย่างรวดเร็ว”
37 สร้างแผนการเรียนรู้:
“ฉันต้องการเรียนรู้ทักษะ [เช่น Digital Marketing, Python] ภายใน 3 เดือน ช่วยสร้างแผนการเรียนรู้รายสัปดาห์ให้หน่อย ว่าควรเรียนรู้อะไรบ้าง”
38 เตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์:
“ฉันกำลังจะไปสัมภาษณ์งานในตำแหน่ง [ชื่อตำแหน่ง] ช่วยลิสต์คำถามที่คาดว่าจะถูกถาม พร้อมทั้งร่างแนวคำตอบที่ดีให้หน่อย”
39 ฝึกฝนการสนทนาที่ยาก:
“ช่วยจำลองบทสนทนา (role-play) ที่ฉันต้องแจ้งข่าวร้ายกับ [เช่น ลูกค้า, ลูกทีม] เรื่อง [หัวข้อ] โดยแนะนำวิธีการเริ่มต้นบทสนทนาและวิธีตอบคำถามที่อาจเกิดขึ้น”
40 ขอ Feedback อย่างสร้างสรรค์:
“ช่วยร่างอีเมลหรือข้อความสำหรับส่งให้ [หัวหน้า/เพื่อนร่วมงาน] เพื่อขอ feedback เกี่ยวกับการทำงานของฉันในโปรเจกต์ [ชื่อโปรเจกต์] ที่เพิ่งจบไป”
หมวดที่ 9: การทำงานร่วมกับทีม (Team Collaboration)
ช่วยให้การทำงานร่วมกันราบรื่นขึ้น ตั้งแต่การกำหนดบทบาทไปจนถึงการสื่อสาร
41 กำหนดบทบาทและความรับผิดชอบ:
“สำหรับโปรเจกต์ [ชื่อโปรเจกต์] ที่มีทีมงานคือ [รายชื่อ] ช่วยร่างตาราง RACI Chart (Responsible, Accountable, Consulted, Informed) สำหรับ Task หลักๆ ให้หน่อย”
42 สร้างแนวทางการทำงานของทีม:
“ช่วยร่าง Team Charter หรือข้อตกลงในการทำงานร่วมกันของทีม โดยมีหัวข้อเช่น ช่องทางการสื่อสารหลัก, เวลาตอบกลับ, วิธีการตัดสินใจ, และเป้าหมายร่วมกัน”
43 เขียนอัปเดตความคืบหน้า:
“เขียนรายงานความคืบหน้าของโปรเจกต์ [ชื่อโปรเจกต์] สำหรับส่งให้ผู้เกี่ยวข้อง (stakeholders) โดยสรุปสิ่งที่ทำไปแล้ว, ปัญหาที่พบ, และแผนงานในสัปดาห์ถัดไป”
44 ร่างข้อความชื่นชมเพื่อนร่วมทีม:
“ช่วยเขียนข้อความสั้นๆ เพื่อแสดงความขอบคุณและชื่นชม [ชื่อเพื่อนร่วมงาน] ที่ได้ช่วย [สิ่งที่เขา/เธอช่วย] ในโปรเจกต์ที่ผ่านมา”
45 ไอเดียกิจกรรมสร้างทีม (Team Building):
“ช่วยเสนอไอเดียกิจกรรม Team Building สำหรับทีมขนาด [จำนวน] คน โดยมีทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ที่ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง”
หมวดที่ 10: การทำงานอัตโนมัติและเคล็ดลับเพิ่มประสิทธิภาพ (Automation & Productivity Tips)
ค้นหา (bottlenecks) ในการทำงานและสร้างเครื่องมือช่วยลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน
46 สร้าง Template:
“สร้าง Template สำหรับ [เช่น อีเมลตอบกลับลูกค้า, รายงานประจำสัปดาห์, บรีฟงาน] โดยมีหัวข้อหลักๆ ที่ต้องกรอกข้อมูล เพื่อให้ใช้งานซ้ำได้ง่าย”
47 หาเครื่องมือช่วยทำงาน:
“แนะนำเครื่องมือ (Tools) หรือแอปพลิเคชัน 3 ตัว ที่จะช่วยให้การ [ระบุงาน เช่น จัดการโปรเจกต์, จดโน้ต, สร้างพรีเซนเทชัน] ของฉันง่ายและเร็วขึ้น”
48 สร้าง Checklist:
“สร้าง Checklist สำหรับกระบวนการ [เช่น การเตรียมเปิดตัวแคมเปญใหม่, การรับพนักงานใหม่ (Onboarding)] เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีขั้นตอนไหนตกหล่น”
49 ระบุงานที่สามารถทำอัตโนมัติได้:
“นี่คืองานที่ฉันทำเป็นประจำทุกวัน [ลิสต์งาน Routine] ช่วยวิเคราะห์หน่อยว่ามีงานไหนบ้างที่พอจะมีศักยภาพในการทำเป็นระบบอัตโนมัติ (Automate) ได้”
50 ออกแบบ Workflow:
“ช่วยออกแบบ Workflow ง่ายๆ สำหรับกระบวนการอนุมัติ [เช่น ใบลา, เอกสารค่าใช้จ่าย] ตั้งแต่การส่งเรื่องไปจนถึงการอนุมัติขั้นสุดท้าย เพื่อลดความสับสนและล่าช้า”