การเป็น เจ้าของธุรกิจ ขนาดเล็กคุณต้องรับผิดชอบหลายอย่างในแต่ละวันด้วยตัวเอง อย่างน้อยก็ในตอนเริ่มต้น การมีความรู้พื้นฐานในทุกด้านของการดำเนินธุรกิจสามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณเจริญรุ่งเรืองได้ และท้ายที่สุดจะเปลี่ยนคุณเป็นผู้จัดการที่รอบรู้มากขึ้นเมื่อทำงานร่วมกับผู้อื่น
1.การมอบหมายงาน (Delegation)
ความเป็นผู้นำหมายถึงการมุ่งเน้นไปที่ภาพรวม ฝึกฝนตัวเองให้สามารถมอบหมายหน้าที่ กระจายงานโดยใช้ประโยชน์จากจุดแข็งหรือความสามารถของบุคคลในทีม นอกจากจะเป็นการเปิดโอกาสให้ทีมงานได้แสดงความสามารถแล้ว คุณยังมีเวลาที่จะไปดูแลส่วนอื่น ๆ ที่สำคัญกว่าอีกด้วย
2.ความเป็นผู้นำทางความคิด (Thought Leadership)
ความเป็นผู้นำเป็นสิ่งสำคัญมาก แต่คุณต้องเป็นผู้นำทางความคิดจึงจะทำงานได้ดีทุกวัน ทักษะด้านการปฏิบัติการ เทคโนโลยี การประชาสัมพันธ์ การเขียน และการตลาดจะตามมาเมื่อคุณมีใจที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ จูงใจ และแบ่งปัน คุณอาจเป็นคนที่ฉลาดที่สุดหรือมีความสามารถมากที่สุด แต่เมื่อคนของคุณล้มเหลวภายใต้การนำของคุณ ธุรกิจทั้งหมดก็จะล้มเหลวเช่นกัน
3.ทักษะการสื่อสารขั้นพื้นฐาน (ฺBasic Communication Skills)
สิ่งที่มักพบเห็นในผู้ก่อตั้งและผู้นำคือการไม่มีทักษะในการสื่อสารที่เพียงพอ การขาดการสื่อสารอาจเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่สำหรับทีมและองค์กร ในฐานะผู้นำ คุณควรเป็นผู้นำด้วยการทำเป็นตัวอย่างและช่วยดำเนินการตามวัฒนธรรมที่ส่งเสริมการสื่อสารเชิงรุก เปิดเผย และซื่อสัตย์ สิ่งนี้ควรไหลไปทุกทิศทุกทาง
รวมถึงการได้รับคำติชมจากลูกค้า คู่ค้า และพนักงานบ่อย ๆ หากไม่มีทักษะนี้ ความรู้สึกด้านลบจะเกิดและแทรกซึมภายในองค์กรได้ ในที่สุดสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของพนักงานและลุกลามไปยังด้านอื่น ๆ ของธุรกิจขนาดเล็ก
4.การทำงานเชิงรุก (Proactivity)
การเปลี่ยนแปลงบางอย่างอาจใช้ได้ผลกับสถานการณ์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และอาจทำให้ทุกอย่างแย่ลงสำหรับภาพรวม การมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่อาจผิดพลาดจากการแก้ไขและการใช้บริบทเกี่ยวกับสิ่งที่ทีมของคุณต้องการเพื่อให้ประสบความสำเร็จจะช่วยให้คุณนำหน้าปัญหานั้นไปได้ไกลยิ่งขึ้น เปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็นแบบเชิงรุกให้มากขึ้น และให้อาวุธที่ทีมของคุณต้องการเพื่อให้ทำงานได้ดีขึ้นโดยที่คุณไม่ต้องเข้าไปยุ่งตลอดเวลา
5.ความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy)
ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการเข้าใจการเงิน เจ้าของธุรกิจที่ดีรู้ว่าสิ่งต่าง ๆ มีค่าใช้จ่ายเท่าไร เช่น แรงงาน การขาย เป็นต้น นี่เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้คุณเพิ่มกระแสเงินสดให้ได้สูงสุดและมีการวางแผนที่ดีสำหรับอนาคต นอกจากนี้ยังบอกคุณว่าธุรกิจของคุณกำลังเติบโตไปในทิศทางใดและต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมที่ใด
6.ความเป็นผู้นำ (Leadership)
ความแข็งแกร่งของผู้นำสามารถวัดได้จากบุคลิกภาพและความเชื่อมั่น สามารถเชื่อมต่อแรงบันดาลใจในการทำงานกับวิสัยทัศน์ขององค์กร ที่สำคัญผู้นำที่ดีจะต้องมีเป้าหมายที่มั่นคงและยิ่งใหญ่ที่พนักงานทุกคนสามารถให้การสนับสนุนได้ นี่คือสิ่งที่ขับเคลื่อนความสำเร็จของบริษัทตลอดหลายปีที่ผ่านมา
7.ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence)
ความฉลาดทางอารมณ์สูงเป็นทักษะที่สำคัญสำหรับเจ้าของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นกับลูกค้า ซัพพลายเออร์ หรือคู่ค้า คุณจะต้องโต้ตอบกับผู้คนตลอดทั้งวัน ความสามารถในการรับรู้อารมณ์ของพวกเขาจะช่วยให้คุณสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ที่สำคัญคุณต้องรับรู้และจัดการกับอารมณ์ของตัวเองด้วย เนื่องจากการเป็นเจ้าของธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย การรู้สึกสบายใจกับตัวเองและตระหนักว่าตัวเองยืนอยู่ตรงไหนจะทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้ความเครียด และด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและชีวิตออนไลน์ งานจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ กำลังผลักดันไปสู่ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ ดังนั้นการมีบุคลิกดีและมี EQ ที่ทรงพลังนั้นสำคัญกว่าที่เคยเป็นมา
8.การขาย (Sales)
ไม่ว่าจะเป็นการหาลูกค้าใหม่ สร้างลูกค้า จ้างพนักงาน ดึงดูดนักลงทุน หรือรักษาความสามารถที่มีอยู่ เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กทุกคนจำเป็นต้องรู้วิธีขาย คุณต้องรู้วิธีการขายตัวเอง ขายผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ รับฟังลูกค้า ในขณะเดียวกันก็ต้องแน่ใจว่าได้รับการสนับสนุนจากพนักงาน คู่ค้า หรือนักลงทุนของคุณ โดยพื้นฐานแล้ว การรู้วิธีโน้มน้าวผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดเป็นกุญแจสำคัญในการดำเนินธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
9.การบริการลูกค้า (Customer Service)
การหาลูกค้าใหม่มีราคาแพงกว่าการรักษาลูกค้าเดิมไว้มาก เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กทุกคนจำเป็นต้องรู้วิธีการให้บริการลูกค้าที่ดี ซึ่งรวมถึงการเรียนรู้วิธีจัดการกับลูกค้าที่โกรธแค้นและคำวิจารณ์เชิงลบอย่างถูกต้อง ตลอดจนวิธีรับฟังและตอบสนองอย่างทันท่วงที การรู้วิธียอมรับและนำคำติชมไปปฏิบัติจะช่วยให้คุณทำได้ดีสำหรับลูกค้าใหม่และเป็นการรักษาลูกค้าประจำของคุณอีกทางหนึ่ง
10.การตลาดดิจิทัล (Digital Marketing)
การตลาดดิจิทัลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกธุรกิจในปัจจุบัน ผู้คนจำนวนมากขึ้นกว่าเดิมสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตต้นทุนต่ำ และผู้คนพึ่งพาเครื่องมือค้นหาเพื่อช่วยในการค้นหาข้อมูลและซื้อผลิตภัณฑ์
เจ้าของธุรกิจจำเป็นต้องมีความรู้อย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับ SEO, การตลาดบนโซเชียลมีเดีย, การโฆษณาออนไลน์ และอื่น ๆ เพื่อเป็นแนวทางในการเติบโตของธุรกิจ คุณสามารถจ้างผู้เชี่ยวชาญเพื่อจัดการแง่มุมเหล่านี้ในธุรกิจ แต่ยังคงต้องได้รับข้อมูลเพียงพอที่จะนำทีมของคุณไปสู่การสร้างกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ
11.การตระหนักรู้ในจุดบอด (Self-Awareness of Blind Spots)
ด้วยเทคโนโลยีทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบัน เราจะหลงเชื่ออย่างง่ายดายว่ามีแอปพลิเคชั่น ชุดซอฟต์แวร์ หรือแนวปฏิบัติที่ผู้ประกอบการรายใดสามารถนำมาใช้และเห็นผลลัพธ์ได้ ดังนั้นทักษะพื้นฐานที่ดีที่สุดในการลับคมและขัดเกลาคือความสามารถในการตระหนักถึงจุดบอดของคุณ จากนั้นขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญที่คุณไว้วางใจจริง ๆ และรับฟังสิ่งนั้น เพื่อช่วยให้คุณมองเห็นได้อย่างชัดเจน
Reference : https://www.forbes.com