มีคนสอนมากมายในหัวข้อ ตัดต่อวิดีโอ ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อวิดีโอด้วยมือถือเพียงเครื่องเดียว หรือ สอนการตัดต่อวิดีโอแบบโปร โดยใช้โปรแกรมเต็มรูปแบบ สิ่งสำคัญไม่ใช่ว่าคุณใช้โปรแกรมอะไรในการตัดต่อวิดีโอ แต่ผลลัพธ์ คลิปที่คุณตัดต่อวิดีโอออกมาได้ต่างหากครับ คุณต้องตอบตัวเองให้ได้เสียก่อนว่า คุณต้องการสิ่งใดจากวิดีโอนั้น
งานวิดีโอสมัยนี้ ไม่ได้จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เยอะแบบในภาพแล้ว ( แต่ถ้ามีย่อมได้วัตถุดิบที่ดีกว่า ) ในบทความเรื่อง การตัดต่อวิดีโอ นี้จะบอกคุณทั้งหมดในเรื่อง ตัดต่อวิดีโอ ยาวหน่อยนะครับแต่รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน ทั้งเทคนิคการตัดต่อวิดีโอ แนวคิด และโปรแกรมที่ใช้สำหรับ ตัดต่อวิดีโอ
เลือกหัวข้ออ่าน
เทคนิคการตัดต่อวิดีโอ
เรื่องสำคัญกว่าการตัดต่อวิดีโอ คือ คุณต้องการที่จะสื่อ เรื่องอะไร ผ่านการตัดต่อวิดีโอในแต่ละครั้ง แต่ไม่ว่าคุณจะตัดต่อวิดีโอเพื่อผลิตคลิปโปรโมทสินค้า หรือ ตัดต่อวิดีโอ เพื่อทำคลิปลง YouTube เพื่อหาผู้ติดตาม หรือแนะนำประโยชน์บางอย่างกับผู้ชม สิ่งที่คุณต้องศึกษาก่อนเลยคือ การเล่าเรื่อง
ตัดต่อวีดีโอ เล่าเรื่อง (Video Storytelling)
ตัดต่อวิดีโอ แบบธรรมดา อาจจะไม่พอสำหรับการทำการตลาดในปัจจุบันที่มีการแข่งขันกันสูง การเล่าเรื่องผ่านการตัดต่อวิดีโอเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมมาก เพื่อที่จะทำให้ธุรกิจหรือแบรนด์ของคุณที่เป็นสนใจ และนำมาซึ่งการบริโภคที่สูงขึ้น
หลายๆ แบรนด์จึงลงทุนในเรื่องตัดต่อวิดีโอ โดยเฉพาะการทำ Video Storytelling มีการคิดคอนเทนต์เพื่อบอกเล่าเรื่องราวเบื้องหลังของตนเองว่าผ่านอะไรมาบ้าง ทำไมถึงยังคงอยู่ และจะสามารถช่วยอะไรกับผู้บริโภคได้บ้าง สิ่งเหล่านี้จะทำให้ธุรกิจของคุณน่าสนใจมากขึ้น สร้างความไว้วางใจ และเชื่อมต่อหรือใกล้ชิดกับผู้คน ส่งผลให้เกิดการสร้างมูลค่ากับแบรด์ของคุณอีกด้วย สิ่งเหล่านี้คือ “Storytelling” หรือ “เรื่องราวของแบรนด์”
สิ่งที่ควรคำนึงถึงเมื่อต้อง ตัดต่อวิดีโอ
1. โฟกัสภาพรวม ต้องรู้ก่อนว่าแบรนด์ของเราคืออะไร แทนอะไร และยึดมั่นกับอะไร เช่น ความสุข แรงบันดาลใจ นวัตกรรม ยกตัวอย่างเช่น บริษัทกระทิงแดง ที่มีการนำเสนอว่า ไม่ได้ขายเครื่องดื่มชูกำลัง แต่ขายจิตวิญญาณของกีฬา, การแข่งขัน และความทรหดอดทน เป็นต้น
2. สร้างเรื่องราว (Emotion) กับกลุ่มเป้าหมาย หรือสร้างอารมณ์ความรู้สึกร่วมผ่านเรื่องราวของคุณ ไม่ว่าจะสุข เศร้า หวาดกลัว หรือโกรธ เพื่อให้เขารู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่กำลังจะเล่า
7 ขั้นตอนในการทำ VDO Storytelling
ขอเพียงสามารถเล่าเรื่องง่าย ๆ ผ่านประสบการณ์ที่คุณพบเจอและวิธีรับมือกับมัน ซึ่งความสำเร็จและคุณค่าของแบรนด์จะไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ เพียงแต่เราต้องเล่าออกมาให้น่าสนใจ ไม่ใช่เล่าเหมือนการบรรยายในชั้นเรียน
1. ตัดต่อวิดีโอ ให้แตกต่างอย่างโดดเด่น สร้างเรื่องราวของแบรนด์ให้มีเอกลักษณ์ น่าสนใจ และแตกต่าง เล่าเรื่องง่าย ๆ อย่าใช้คำยาก ศัพท์เทคนิคที่ไม่จำเป็น ตัดทิ้งไป เล่าเรื่องให้เหมือนเรากำลังคุยกับคนดูวิดีโอ แน่นอนว่าเทคนิคการตัดต่ออาจจะเหมือนกัน แต่วิธีการเล่าเรื่อง เราทำให้แตกต่างได้ โทนเสียงการเล่าเรื่อง เพลงในสไตล์ของเรา ธีมสีที่ใช้ อินโทรอย่างไร จบแบบไหน สิ่งเหล่านี้คือ รายละเอียด ที่สร้างความแตกต่างได้อย่างง่าย ๆ
2. สร้างสรรค์ คำนึงถึงสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการจากคุณอย่างแท้จริง และใส่ไอเดียใหม่ๆที่คุณอยากนำเสนอลงไป เล่าเรื่องให้ง่าย แต่ไม่ใช่ มักง่าย การตัดต่อวิดีโอต่างจากการเขียนบทความ เพราะการตัดต่อวิดีโอนั้น คุณสามารถใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปได้มากมาย
3. กำหนดจุดเริ่มต้นและบทสรุป เขียนสตอรี่บอร์ดคร่าวๆในสิ่งที่คุณต้องการนำเสนอออกมา เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น พื่อไม่ให้เสียเวลา หรือผิดวัตถุประสงค์ที่แท้จริงไป เขียนง่าย ๆ บนกระดาษ ไม่ต้องถึงกับวาดรูป แค่เป็นสคริปต์ บทความ ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย แบบนั้นเรียกว่า มั่ว ไม่ได้เตรียมตัว
4. ไม่ต้องบอกแต่แสดงให้เห็น คือการไม่ต้องพยายามโน้มน้าวผู้บริโภคในเรื่องราวของคุณ แต่แสดงให้เห็นว่าแบรนด์ของคุณเป็นอย่างไร เพราะการตัดสินใจขึ้นอยู่กับผู้บริโภค ไม่ใช่เพราะการยัดเยียดนั่นเอง เล่าเรื่องคือการเล่า ไม่ใช่การออกคำสั่ง อย่าเข้าใจผิด
5. ต้องตอบได้ชัดเจนว่า คนดูวิดีโอจบ เขาจะรู้สึกอะไร ได้อะไร และเกิดประโยชน์อะไร แม้ว่าคุณจะทำวิดีโอให้คนดูฟรี ๆ แต่ก็อย่าได้ทำวิดีโอห่วย ๆ แล้วทำให้คนดูเขาเสียเวลา ตัดต่อวิดีโอ ทุกครั้ง ให้ถามคำถามตัวเองก่อนว่า คนดูเขาดูจบ เขาจะได้อะไร
6. เล่าเรื่องเดียวเท่านั้น เพื่อให้ตรงตามจุดประสงค์ที่วางไว้ตั้งแต่ต้น ตัดต่อวิดีโอ เล่าเรื่องเดียวว่ายากแล้ว แต่การเล่าหลายเรื่องในคลิปเดียว โดยต้องทำให้คลิปนั้นมีประเด็นที่น่าสนใจ นับว่าเป็นไปได้ยากมาก ดังนั้น เล่าเรื่องเดียวพอครับ ถ้ามีเรื่องเยอะ ไว้ตัดต่อคลิปใหม่ได้ครับ
7. สั้นและกระชับ เน้นเนื้อหาหลักที่ต้องการนำเสนอ ไม่ยืดเยื้อ น่าเบื่อ ที่เฟสบุ๊คมีคำแนะนำว่า อย่างน้อยต้อง 15 วินาที แต่ช่วงหลังมามีคำแนะนำว่า ควรทำวิดีโอยาวสัก 3 นาที เพื่อให้มีการเข้าถึงมากขึ้น ( อย่าลืมว่าเฟสบุ๊คเขาขายโฆษณา เลยอยากให้คนทำคลิปยาวๆ หน่อยนั่นเอง )
แนะนำโปรแกรม ตัดต่อวิดีโอ
มีโปรแกรมมากมายนะครับที่ใช้ในงานตัดต่อวิดีโอ มีทั้งแบบฟรีและเสียเงิน หลายคนหันไปใช้โปรแกรมบนโทรศัพท์กันแล้ว ซึ่งมีหลายโปรแกรมมาก ๆ แต่ในบทความนี้ขอเลือกอันที่ผู้เขียนได้ใช้จริง มาบอกเล่าให้ฟังกันนะครับ
ตัดต่อวิดีโอ ด้วย filmora
Filmora Video Editor เป็นโปรแกรมตัดต่อวีดีโอของค่าย Wondershare ที่สามารถใช้งานได้ทั้งบน Windows, Mac และ Application บนมือถือ (ทั้ง iOS และ Android) โปรแกรมนี้ใช้ง่ายพอๆ กับโปรแกรม Kinemaster แต่สามารถใช้ใน PC และ Notebook ได้
ข้อดีคือใช้งานง่าย และราคาไม่แรงเกินไป แต่ข้อด้อยคือ ฟีเจอร์ของมันอาจจะมีน้อยกว่าเมื่อเทียบกับโปรแกรมเทพ ๆ อย่าง adobe premier pro หรือ adobe after effect แต่ก็อยู่ที่งานของเราด้วยว่า พอเพียงไหม ถึงฟีเจอร์จะน้อย แต่ถ้าเราใช้แบบเสียเงิน จะมีปลักอินใหม่ ๆ มาให้เราเลือกใช้เยอะพอสมควรครับ มีเพลงฟรีแถมมาให้เช่นกัน
ตัดต่อวิดีโอ ด้วย OBS Studio โปรแกรมถ่ายทอดสดหน้าจอ
OBS อาจจะไม่ใช่โปรแกรมสำหรับตัดต่อวิดีโอโดยตรง แต่กำลังเป็นที่นิยม สำหรับคนที่ต้องการทำ LIVE ไม่ว่าจะเป็น Facebook LIVE หรือ YouTube Steaming สามารถดาวน์โหลดโปรแกรม OBS Studio ได้ฟรี เอาไว้ใช้ถ่ายทอดสดหน้าจอไปลง Youtube Live หรือ Facebook Live เหมาะมากสำหรับพวก นักแคสเกมส์ Game Caster แคสโปรแกรม Software Caster
VSDC Free Video Editor
ดาวน์โหลดโปรแกรม VSDC Free Video Editor โปรแกรมตัดต่อวีดีโอฟรี เพื่อ งานตัดต่อวีดีโอ ด้วยลูกเล่น ฟิลเตอร์ เพียบ มีลูกเล่นทั้งภาพเสียง สนับสนุนไฟล์วีดีโอหลากหลาย ใช้งานง่ายมากๆ สำหรับโปรแกรมนี้มีชื่อว่า โปรแกรม VSDC Free Video Editor เป็น โปรแกรมตัดต่อวีดีโอฟรี ใช้ในการสร้างวีดีโอทุกรูปแบบ
โดยสามารถใส่เอฟเฟค พร้อมทั้งตัดต่อวีดีโอได้อย่างไร้ข้อจำกัดโดย โปรแกรมตัดต่อวีดีโอ นี้มาพร้อมกับฟังก์ชั่นที่ครบเครื่อง และหน้าตาผู้ใช้งานก็ใช้งานง่าย ทำให้คุณสามารถสร้างวีดีโอ แปลงไฟล์วีดีโอ หรือตัดต่อวีดีโอ ให้อยู่ในสไตล์ของคุณได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว และที่สำคัญ คือแจกฟรีครับ
iMovie
โปรแกรมตัดต่อวิดีโอจากค่าย Apple ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับทำระดับเริ่มต้นและระดับกลาง ข้อดีคือผลงานที่ออกมามีคุณภาพดูดี ดูมืออาชีพมาก มีเอฟเฟคและ Theme สำหรับสร้างอินโทร ไตเติ้ลสำเร็จรูป และมีเพลงประกอบให้เลือกใช้ฟรีๆ ในตัวหลายเพลง รองรับเฉพาะ Mac เท่านั้น แต่รองรับการทำงานร่วมกับ iMovie บน iOS ได้เป็นอย่างดี โดยดาวน์โหลด App “iMovie” จาก App Store บน iOS
สามารถแต่งเติมอารมณ์ภาพยนตร์ด้วยฟิลเตอร์ วิดีโอสุดสร้างสรรค์ 10 แบบ เพื่อให้หนังของคุณเป็นสไตล์ขาวดำแบบย้อนยุค แบบวินเทจตะวันตก หรือเป็นโทนน้ำเงินเท่ๆแบบโลกอนาคต ซึ่งก็ทำได้ง่ายๆ แค่เลือกใส่ฟิลเตอร์ให้ทีละคลิปหรือจะเลือกใส่ทั้งเรื่องทีเดียวเลยก็ได้
DaVinci Resolve
DaVinci Resolve นี่คือหนึ่งในโปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ เป็นโปรแกรมที่มืออาชีพเลือกใช้งานมากที่สุดโปรแกรมหนึ่ง อีกทั้งสาย Stock VDO ก็นิยมใช้โปรแกรมนี้เช่นกัน แต่เป็นโปรแกรมที่มีค่าใช้จ่าย แม้ว่าช่วงนี้จะมีให้ทดลองใช้ฟรี แต่ก็เพราะต้องการให้คนได้ลองใช้กันมากขึ้น คาดว่าคนใช้จะติดใจแล้วกลายเป็นลูกค้าในท้ายที่สุด
Camtasia
ส่วนตัวผมเองใช้เจ้าตัวนี้มากที่สุด The Best All-In-One Screen Recorder and Video Editor มันดีอย่างที่เขาเคลมไว้เลยครับ ใช้บันทึกหน้าจอได้ ใช้ทำคอร์สออนไลน์ สอนเรื่องต่างๆ ผ่านการสกรีนหน้าจอ และยังใช้ตัดต่อวิดีโอได้สบาย ๆ ใช้ง่าย จบ ครบทุกฟังก์ชันการตัดต่อ แต่เอฟเฟกต์แปลก ๆ อาจจะไม่ได้มีลูกเล่นมากเหมือนตัวอื่น แต่ทำงานไว ใช้ทรัพยากรไม่มาก ถ้าลองใช้จะประทับใจแน่นอน
ตัดต่อวิดีโอ ด้วย Kinemaster
เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ใช้โปรแกรม Kinemaster ผ่านมือถือกันแล้วจะไม่ไปใช้โปรแกรมอื่นอีกเลย ใช้ง่ายมาก ๆ ครับ มีฟังก์ชั่นต่างๆ ครบมาก ถ้ายอมจ่ายเงินสักเล็กน้อย จะได้ใช้ให้เต็มศักยภาพของโปรแกรมเลย ถ่ายเสร็จ ตัดต่อได้ จะทำงานอนิเมชั่นง่าย ๆ ก็ทำได้ ด้วยโปรแกรม Kinemaster ทำให้คุณสามารถเป็น YouTuber ได้สบาย อยู่ที่ไหน ก็ตัดต่อคลิปวิดีโอ สร้างผลงานดีๆ ได้
Adobe after effects & premiere pro
ถ้าอยากทำงานสายวิดีโอแบบโปร ต้องเรียนรู้อยู่สองโปรแกรมคู่หูคือ after effect กับ premiere pro ตัวหนึ่งตัดขั้นเทพ อีกตัวก็อัดเอฟเฟ็กต์ตามชื่อเลย ข้อดีคือ ถ้าสองตัวนี้เป็น คุณก็ทำได้ทุกอย่างที่ต้องทำแล้ว แต่ก็ใช้เวลาศึกษาเรียนรู้กันพอสมควร ด้วยความที่ปัจจุบันมีโปรแกรมทางเลือกที่ประหยัดเงิน ประหยัดเวลา หลายคนเลยมองข้ามสองคู่หูนี้ไป แต่ถ้าได้ลองดูเทมเพลตหรือชุดเสริมส่วนขยายที่เป็นสารพัดเอฟเฟ็กต์ คุณจะอยากใช้มันแน่นอน แค่อินโทรเทพๆ ก็มีให้เลือกมากมาย
การตัดต่อวิดีโอ จะกลายเป็นทักษะพื้นฐานที่ทุกคนทำเป็น เหมือนอย่างเช่น การใช้งานเอกสารทั่วไป สุดท้ายเราไม่ได้แข่งกันที่โปรแกรมหรือเทคนิค แต่เราแข่งกันด้วย ความคิด และไอเดียที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์
Work360