ยิ่งมีคนแชร์ เรื่องเล่า เรามากเท่าไร เราก็จะกลายเป็นนักเล่าเรื่องที่เก่งมากขึ้นเท่านั้น แล้วรู้หรือไม่ว่า เรื่องเล่า แบบไหน ที่คนส่วนใหญ่ชอบแชร์ หากเราสังเกต เรื่องเล่า หรือ Content ต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ให้ดี จะพบว่าโดยส่วนใหญ่ของเรื่องเล่าที่ได้รับการบอกต่อ แชร์ต่อ ๆ กันไปเป็นจำนวนมากนั้น มักเป็นเรื่องเล่าดังต่อไปนี้
1.เรื่องเล่าแก้ปัญหา
ซึ่งไม่จำเป็นเลยว่าจะต้องเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ เพราะบางทีแค่ปัญหาบ้าน ๆ อย่างเรื่องวิธีแก้ท่อตัน วิธีแก้นอนไม่หลับ วิธีลดความอ้วน ฯลฯ ถ้าสามารถเล่าออกมาได้อย่างดี ชัดเจน เห็นผลลัพธ์ได้จริง ก็เพียงพอแล้วที่จะได้รับการบอกต่อ
เพราะเราทุกคนก็เป็นมนุษย์ ถึงแม้จะมีความแตกต่าง แต่วิถีชีวิตที่ใกล้เคียงกัน ก็ทำให้เรามักมีปัญหาที่คล้ายกัน ดังนั้น เรื่องเล่าใดก็ตามที่สามารถชี้ทางสว่างปลดล็อกปัญหาของคนส่วนใหญ่ได้ก็คือเป็นความรู้ที่ไม่ควรเก็บไว้คนเดียว แต่ควรบอกต่อให้โลกรู้ในวงกว้าง
2.เรื่องเล่าความรู้ที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้มาก่อน
โดยธรรมชาติของมนุษย์แล้วนั้น อะไรที่ลึกลับ อะไรที่เป็นความรู้ใหม่ ไม่เคยมีใครรู้มาก่อนนั้น มักจะสร้างความสนใจใคร่รู้ได้อย่างมหาศาล ถึงแม้เรื่องที่เล่านั้นจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเราเลย หรือเป็นเรื่องไกลตัวมากแค่ไหนก็ตาม หากเราสามารถนำเสนอเรื่องราวออกมาได้อย่างเข้าใจง่าย ไม่ยากเกินไป ก็สามารถดึงดูดความสนใจให้ทุกคนแห่กันมาฟังได้ไม่ยาก
และเมื่อคนฟังแล้วรู้สึกว่าแปลกจริง เป็นความรู้ใหม่จริง ไม่เคยรู้มาก่อนเลย มีแบบนี้ด้วยหรือ ก็จะทำให้เกิดการแชร์บอกต่อได้ง่ายมาก เพราะธรรมชาติอีกอย่างของคนเราก็คือ เมื่อเจออะไรใหม่ ๆ ว้าว ๆ แปลก ๆ มา มักจะเก็บไว้คนเดียวไม่ได้ ต้องบอกต่อให้โลกรู้
3.เรื่องเล่าประสบการณ์จริงที่ให้แง่คิด
ไม่จำเป็นเลยว่าเจ้าของเรื่องเล่าจะต้องเป็นคนดัง เพราะต่อให้คนเล่าเรื่องเป็นคนธรรมดา โนเนม ไม่มีใครรู้จัก แต่ถ้าสิ่งที่เขาเล่าออกมานั้น มาจากประสบการณ์จริง ที่เจอมากับตัว แล้วเรื่องราวนั้นมีประโยชน์ ให้แง่คิดเตือนใจทุกคนได้ เรื่องเล่านั้นก็จะมีพลังในการบอกต่อมหาศาล ยกตัวอย่างเรื่องคุณหมอหนุ่มที่ป่วยเป็นมะเร็งปอด ที่แม้จะไม่ได้เป็นคนดังแต่เรื่องราวประสบการณ์จริงที่คุณหมอเจอนั้น ก็มีคุณค่ามากพอที่ควรถูกบอกต่อให้เป็นประโยชน์สำหรับคนอื่น ๆ
4.เรื่องเล่าความเห็นต่อกระแสสังคม
ปกติ แค่สรุปเรื่องราวดราม่าที่เป็นประแสสังคมอยู่ เช่น ข่าวต่าง ๆ คนก็แชร์กันเยอะมากแล้ว แต่ถ้าเราลองใส่ความคิดเห็นลงไป วิเคราะห์ในมุมมองที่ยังไม่มีใครเคยพูดถึง ไม่ว่าความคิดเห็นของเรานั้นจะถูกหรือผิดก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วจะได้รับการแชร์ต่อ ซึ่งคนที่แชร์ต่อก็จะมีสองส่วนคือ คนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับความคิดเรา
โดยเหตุผลที่เรื่องเล่าความคิดเห็นต่อกระแสสังคมได้รับการบอกต่อง่าย ก็เพราะเหมือนเรื่องเล่าของเราเป็นกระบอกเสียง เป็นตัวแทนความคิดของคนบางกลุ่มที่อาจคิดเหมือนแต่ไม่กล้าเล่า ไม่กล้าแสดงออก การมาแชร์ต่อจากเราไป จึงเหมือนเป็นการยืนยันความคิดของคนที่แชร์ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีคนเห็นด้วย แล้วแชร์เรื่องเล่าของเราออกไป ก็จะเป็นการดึงให้คนที่ไม่เห็นด้วยมาโต้แย้ง และแชร์ความคิดของเราต่อไป เพื่อแก้ต่างไปเรื่อย ทำให้เกิดเป็นกระแสบอกต่อแบบไวรัลได้ในที่สุด
ความสำเร็จของการเล่าเรื่องทำ Content นั้นคือ การที่ทำให้คน แชร์ บอกต่อ เรื่องเราของเราออกไปในวงกว้างให้ได้มากที่สุด เพราะเมื่อมีคนแชร์เรื่องเล่าเราเยอะ ตัวเราก็จะเป็นที่รู้จักมากขึ้น ความคิดของเราก็จะได้รับความสนใจ และติดตามต่อว่าครั้งหน้าจะเป็นอย่างไร มาไม้ไหน จะว้าวหรือไม่ อันจะนำพาโอกาสมากมายตามมาสู่เราได้
ดังนั้น ในการคิดเรื่องที่จะเล่า คิด Content ที่จะเผยแพร่สู่สาธารณะ เราจึงควรคิดด้วยว่า จะเล่าอย่างไร จะเล่าเรื่องอะไร ให้คนอยากบอกต่อ และแชร์ Content เรื่องเล่าของเราต่อไปให้ได้มากที่สุด
