ปฏิเสธไม่ได้ว่าชีวิตคนเรานั้น “งาน” สำคัญมากที่สุดอย่างไม่อาจตัดขาดได้ ซึ่งถ้าจะบอกว่า “งาน” คือ “ชีวิต” ก็คงไม่ผิดนัก เพราะถ้าไม่มีงาน ก็ไม่มีเงิน ไม่มีปัจจัยสำหรับการดำรงชีวิต ไม่มีความสุข ดังนั้น “งาน” จึงเป็นสิ่งสำคัญที่คนเราให้ความสำคัญมากที่สุด เพื่อที่จะให้อยู่กับมันได้มากที่สุด และใช้มันสร้างความสุขให้กับตัวเอง
แต่ทั้งที่เราก็รู้ดีอยู่ว่า งานคือชีวิต เราส่วนใหญ่ยังใช้ชีวิตอย่างไม่ค่อยจะมีความสุขสักเท่าไร ด้วยพาตัวเองเข้าไปอยู่ในงานที่มันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกดี และนี่คือ 3 สิ่งที่จะช่วยเราแกะรอยได้ว่า “งาน” อะไร ที่เป็นงานที่เราควรเอาตัวออกมาให้ห่างไกลจากมันมากที่สุด ก่อนที่เราจะเสีย “ชีวิตทั้งชีวิตของเรา” ไปกับงานที่ไม่ตอบโจทย์ชีวิต
1. งานที่ทำให้เราสูญเสียความเป็นตัวเอง
ไม่ว่าเราจะรู้สึกว่ามันใช่งานที่เรารักหรือไม่ ถ้างานที่เราเลือกทำนั้นทำให้เราเสียความเป็นตัวเองไปแล้วล่ะก็ เชื่อเถอะครับว่า มันไม่ใช่งานที่ทำให้เรามีความสุขแน่ๆ บ่อยครั้งเราก็เอาองค์ประกอบอื่นๆ มาตัดสินว่า “งานนั้น” เหมาะกับเรา ใช่กับเรา เช่น เป็นงานที่ได้เงินเดือนดี เป็นงานที่บริษัทมั่นคง เป็นงานที่มีโอกาสเติบโต ฯลฯ สารพัดเหตุผลที่เราหยิบขึ้นมาเป็นชี้นำว่า “งานที่เลือกทำนั้น” เป็นงานที่ใช่ บางทีมันก็ไม่ใช่อย่างที่เราคิด
เพราะพอเมื่อเราได้ก้าวเท้าเข้าไปอยู่กับมัน เรากลับไม่เป็นตัวของตัวเอง ต้องฝืน ต้องอดทน ต้องอดกลั้น ไม่มีความสุข และต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองขนาดใหญ่เพื่อให้อยู่ให้ได้ เพื่อ “ผลตอบแทน” ที่เราหยิบมาเป็นวัดว่างานนั้นมันดีกับเรา แต่สุดท้าย โลกก็จะเป็นคนบอกเราอยู่ดีว่า ไม่มีใครฝืนตัวเองได้นานนักหรอก จนเมื่อเวลาผ่านไป เราทนไม่ไหว ทั้งหมดที่พยายามมาก็ต้องจบสิ้นลงอยู่ดี ดังนั้น อย่าฝืนอยู่กับงานที่ทำให้เราไม่เป็นตัวเอง เพื่อแลกกับผลตอบแทนที่เราคิดว่าคุ้มค่า เพราะแท้จริงแล้วมันไม่คุ้มค่ากันหรอก กับการเสียเวลามาทรมานตัวเอง เพื่อแลกกับผลตอบแทนชั่วคราว แต่ความทุกข์ชั่วนิรันดร์
2. งานที่ทำให้เรารู้สึกไม่มีคุณค่า
บ่อยครั้งเราก็มักบอกกับตัวเองว่า “งานอะไรก็ได้” ทั้งที่จริงๆ แล้ว เราไม่ได้คิดแบบนั้นจริงๆ หรอก เราทุกคนต่างมีเป้าหมายว่าเราอยากทำอะไร แม้มันไม่ชัดเจน แต่เราก็ตอบได้เลยในทันทีที่เราทำงานนั้นๆ ว่า งานนั้นมันใช่กับเรามากแค่ไหน การที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับงานที่เราไม่อยากทำ มันจะยิ่งทำให้เรารู้สึกถึงความไม่มีค่าของตัวเอง เพราะนอกจากไม่ชอบแล้ว ความไม่ถนัดที่ทำให้เราทำผิดพลาดซ้ำๆ จะเหยียบย่ำเราให้จมดิน จะทำลายความรู้สึกเชื่อมั่นในตัวเราเองลงเรื่อยๆ
จริงอยู่ที่เราอาจเรียนรู้และพัฒนาจากข้อผิดพลาดได้ แต่นั่นมันจะมีความหมายก็ต้องเมื่อเราได้เรียบรู้ในงานที่เราอยากทำเท่านั้น กลับกันกับงานที่เราไม่ชอบ เมื่อผิดแล้วทุกอย่างจะยิ่งตอกย้ำว่าเรานั้นไม่เหมาะกับมัน จนพาลไปเป็น ต่อว่าตัวเอง ตำหนิตัวเอง และลดทอนคุณค่าด้านอื่นๆ ของตัวเองไปเรื่อยๆ ซึ่งเมื่อกระบวนการทางจิตใจนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ นั่นคือสัญญาณเตือนภัยว่าเราควรรีบเปลี่ยนงานทันที เพราะหากขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้ เราอาจไม่เหลือกำลังใจดีๆ ในการทำงานอื่นๆ อีกเลยในชีวิต
3. งานที่ทำให้เรารู้สึกโดดเดี่ยว
ข้อนี้อาจไม่ได้เกี่ยวกับตัวเนื้องานโดยตรง แต่เกี่ยวข้องกับสังคมมากกว่า เมื่อไรก็ตามที่เราได้มีโอกาสทำงานในสังคมที่ทำให้เรารู้สึกโดดเดี่ยว เมื่อนั้นคืออันตรายที่เราควรหนีออกมาให้เร็วที่สุด แม้มันจะเป็นงานที่เรารัก แต่มันก็อาจทำให้เราเกลียดสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ได้ง่ายๆ หากสภาพแวดล้อมและคนรอบกายไม่ได้ช่วยให้เรารู้สึกดีเลยในทุกวันที่มาทำงาน บางทีเราก็เอาแต่คิดว่า ได้ทำงานที่ชอบแล้ว ได้ทำงานในบริษัทที่ดีแล้ว เพียงแค่นี้ก็พอแล้ว ซึ่งเอาจริงๆ มันไม่พอหรอกครับ เพราะสุดท้ายเราก็จะอยู่ได้ไม่นานอยู่ดี
เพราะสังคมการทำงานคือสังคมการพึ่งพาอาศัย เราต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น กับเพื่อนร่วมงาน กับลูกน้อง กับหัวหน้า กับหลายๆ คนที่หากพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้ทำให้เรา “รู้สึกดี” แล้วล่ะก็ การก้าวเท้าออกมาจากที่แห่งนั้น น่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราเติบโตในอาชีพ ในชีวิตการทำงานได้มากกว่า อย่าฝืนอยู่ในที่ที่เราไม่ชอบเลยครับ เพราะตราบเท่าที่เรารู้ว่าเราชอบทำงานอะไร มันจะยังมีที่ใหม่ๆ ที่ดีกว่า ที่ให้เราได้ทำทั้งงานที่รัก และได้อยู่ในสังคมการทำงานที่น่ารัก รอคอยเราอยู่เสมอ อย่าเผลอคิดว่าเราไม่มีที่ไปแล้ว แล้วปล่อยตัวเองให้อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ไม่โอเค เพราะในที่สุดเราจะถูกกัดกินจากสังคมการทำงานที่เป็นพิษ จนทำให้ชีวิตพังทลายในที่สุด
บางคนอาจมองว่า “งานนั้นหายาก” แต่จริงๆ แล้วงานหาไม่ยากหรอกครับ สิ่งที่หายากกว่างาน ก็คือ “งานที่ดี” ต่างหาก งานที่ดีในที่นี้ไม่ได้วัดที่ตัวเงินผลตอบแทน แต่วันกันที่มันเป็นงานที่ทำให้เรา เป็นตัวเองหรือเปล่า มันเป็นงานที่ทำให้เรามีความสุขหรือเปล่า มันเป็นงานทำให้เรารู้สึกมีคุณค่าหรือเปล่า เพราะถ้าเราสามารถหางานที่ทำให้เรารู้สึกดีๆ แบบที่ว่าไปได้แล้ว ทุกวันของเราจะมีไฟ ทุกวินาทีของเราจะมีใจที่จะทำงานด้วยความกระตือรือร้น และแน่นอนว่าผลลัพธ์ของมันจะนำพาเราก้าวไปสู่ความสำเร็จที่ฝัน ที่ชีวิตการทำงานและชีวิตทุกๆ ด้านของเราแน่นอน อย่าลืมนะครับว่า “งานคือชีวิต” ดังนั้น เราจึงควรคิดให้ดีที่สุดให้รอบคอบที่สุด ไม่ใช่แค่ทนเพื่อบางสิ่งที่มันไม่ยั่งยืน และฝืนทำให้ตัวเองต้องเป็นทุกข์ตลอดไป
