จัดว่าเป็นปัญหาใหญ่ ปัญหาโลกแตกสำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เลยก็ว่าได้ กับการเปิดเพจขายของแล้วทำยังไง๊ ยังไง ก็ขายไม่ออก!! ถ้าหากจะให้บอกเหตุผลกันนั้น ก็เห็นจะมี
รายละเอียดที่แตกต่างกันไปแล้วแต่เพจ แล้วแต่ประเภทสินค้า แต่ทั้งนี้ก็สามารถสรุปเป็นภาพรวมหลักๆ สำคัญๆได้ว่า 3 ข้อว่า เพราะอะไรทำไมเปิดเพจแล้วถึงขายไม่ได้!! ซึ่งต่อจากนี้ไปคือ 3 เหตุผลที่จะช่วยคลายความสงสัย พร้อมสะกิดใจให้ได้ลองกลับไปทบทวนกันดูซิว่าเป็นจริงหรือไม่ จะได้รีบปรับปรุงแก้ไข เพื่อจะได้เรียกยอดซื้อยอดไลค์ได้ตามเป้าที่หวังไว้สักที!!
1.ขายทั้งที่ยังไม่รู้จักกลุ่มเป้าหมายของตัวเอง!!
อธิบายง่ายๆ คือ เรารู้แต่ว่าอยากขายอะไรโดยที่ยังไม่เคยถามหรือสงสัยเลยด้วยซ้ำว่าใครคือ “คนซื้อ”!!
แท้จริงแล้วจุดเริ่มต้นของการขายของคือเราควรมองให้ออกก่อนเลยว่าสินค้าของเรานั้น ใครคือคนที่จะยอมจ่ายตังค์ซื้อ!!เพื่อเราจะได้สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายนั้นได้แบบตรงใจ และเข้าใจง่าย
เพราะเด็กก็ชอบการสื่อสารแบบหนึ่ง ผู้ใหญ่ก็แบบ ผู้หญิงก็แบบ คนสูงอายุก็อีกแบบ ดังนั้นการที่เรานึกออกว่าหน้าตาของลูกค้าเราเป็นยังไง ใครคือลูกค้าหลักของเรานั้น มันก็จะช่วยทำให้เรารู้ว่าจะต้องบริการเขาอย่างไรถึงจะกุมหัวใจเขาได้อยู่หมัดหรือในกรณีของการซื้อโฆษณาก็จะได้กำหนดถูกว่าจะยิง Ad. ไปที่ใครแล้วรูปที่ใช้ทำ Ad. ควรเป็นแบบไหน ไม่ใช่ขายกระเป๋าผู้หญิง ก็ยิง Ad. ไปทั้งชายและหญิงเท่าๆ กันแบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาทุนโฆษณา ไปทิ้งละลายแม่น้ำมาร์คซัคเคอร์เบิร์กชัดๆ!!
การมองภาพหน้าตากลุ่มลูกค้าของเราให้ออกตั้งแต่แรก เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เรารู้ชัดว่า ปัญหาของเขาคืออะไร เขาต้องการอะไร ชื่นชอบอะไรแบบไหน เพื่อจะได้ทำการสื่อสารบนเพจได้ตรงใจเขามากที่สุดและเมื่อลูกค้าเข้าใจจนพอใจ ยอดไลค์ ยอดขายก็จะค่อยๆ ขยายเติบโตขึ้นเอง
2.ขายมากไปโดยไม่สนใจการให้ประโยชน์ใดอื่น!!
หลักสำคัญในการขายของบนเฟสบุ๊คคือ เราจะต้องทำยังไงก็ได้ให้ผู้คนมาอยู่ในเพจ มาติดตามเพจของเรา ให้ได้มากที่สุดและยาวนานที่สุด ให้ยาวนานพอที่สุดท้าย เขาจะกลายมาเป็นลูกค้า เขาจะเกิดความต้องการในสินค้าหรือบริการที่เรามีเสนอไว้
ดังนั้น ลองคิดดูว่าจะมีใครคนไหนยอมถูกขาย ขาย!! ขาย!! ขาย!! ขาย!! ทุกวันกันล่ะ (จริงมั๊ยครับ!?) ซึ่งหลังจากที่เรารู้แล้วว่ากลุ่มเป้าหมายเราคือใคร มีปัญหาอะไร ต้องการอะไร
นอกเหนือจากสินค้าที่เรามีแล้วก็ลองทำ Content อะไรดีๆ ที่เป็นประโยชน์ให้เขาฟรีๆ บ้าง ให้ไปเรื่อยๆ เพื่อให้เขาอยู่กับเรา เหมือนกับเราเป็นรายการทีวีสักช่องที่พอคนติดรายการแล้ว เขาก็มีโอกาสเห็นโฆษณา มีโอกาสเห็นสินค้าของรายการ จนสุดท้ายก็กลายเป็นลูกค้าเราในที่สุด
3.ขายในขณะที่ยังสร้างความน่าเชื่อถือได้ไม่มากพอ!!
ความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะสำหรับคนซื้อของแล้ว ถ้าไม่เชื่อใจ เชื่อถือ เชื่อมั่นก็อย่าหวังว่าจะมีวัน แง้มกระเป๋าได้ง่ายๆ!! ซึ่งสิ่งที่จะช่วยทำให้เพจเราน่าเชื่อถือขึ้น นอกจากรีวิวของผู้เคยใช้สินค้าหรือบริการแล้วนั้น Engagement หรือ ปฏิสัมพันธ์จากลูกเพจ
โดยเฉพาะ Comment และ แชร์ ก็ถือเป็นตัวชี้วัดที่ทำให้เกิดความเชื่อถือได้ง่ายมากขึ้น
ลองเทียบดูก็ได้ว่า ถ้าวันนี้เราเป็นคนซื้อของเปิดเข้าไปเจอเพจที่ขายเสื้อที่เราอยากได้ แต่ปรากฎว่า ไม่มียอดไลค์ ไม่มีใคร Comment ไม่มีใครสอบถามอะไรเลย แถมเลื่อนไปดูโพสต์เก่าๆ ก็มีแต่โพสต์ขายของเต็มไปหมด แล้วทุกโพสต์ก็ร้างๆ หนึ่งไลค์ สองไลค์ แถมไม่สม่ำเสมอด้วย
คำถามก็คือถ้าเป็นเรา เราจะตัดสินใจซื้อสินค้าจากเพจนี้ไหม? นั่นเองที่เป็นเหตุผลว่า ทำไม Content ถึงสำคัญต่อการเปิดเพจขายของ เพราะมันเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับร้านค้า อันนำมาซึ่งปฏิสัมพันธ์ นำมาซึ่งความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะเป็นตัวเร่งการตัดสินใจซื้อ ให้ลูกค้าซื้อของในร้านเรา ได้ง่ายขึ้น!!
จริงๆ แล้วเหตุผลที่ทำให้เพจขายของไม่ดีนั้น ยังมีอีกหลายปัจจัยด้วยกัน แต่หัวใจสำคัญที่สุดเลยก็ คือเราต้องให้ประโยชน์กับเขาให้ได้มากที่สุดก่อน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่อง Content ที่ดีมีประโยชน์ เป็นความรู้ที่นำไปใช้ได้ทันทีหรือเรื่องคุณภาพสินค้าก็แล้วแต่
การขายของไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่การยัดเยียดขายที่มากเกินไปโดยไม่ใส่ใจว่าลูกค้าต้องการหรือไม่ คือสิ่งที่จะทำเขาจากเราไปโดยไม่หวนกลับมา จงอย่ารีบร้อนขายของเกินไป แต่จงใช้เวลากับการให้คุณค่าที่มากกว่าการขาย แล้วสุดท้ายเราจะขายของได้ ไม่ว่าจะออฟไลน์หรือออนไลน์ แบบที่ไม่ต้องยัดเยียดขาย ลูกค้าก็ยินดีและ
…เต็มใจซื้อ…