เลี้ยงลูกให้ได้เหรียญทอง

เคยเห็นเพื่อนๆพ่อแม่ลงรูปลูก
ที่ไปแข่งขันอะไรมาเล็กๆน้อยๆ
แล้วก็ชมลูกแบบสุดๆบ้างไหม

แอนเคยแอบคิดว่า
มาชมลูกตัวเองในเฟสจะได้อะไร
ถ้าอยากชม อยากบอกอะไร
บอกเขาตรงๆเลยไม่ดีกว่าเหรอ
การมาโพสลงเฟสก็แค่ โชว์หรือเปล่า ??

ที่บ้านของเราเลยเน้นเลี้ยงลูก
แบบง่ายๆ สบายๆ ไม่ติวไม่เน้นเรียน
ทำกิจกรรมบ้าง ตามสมควร
ไม่ได้คาดหวังสิ่งใดนอกจาก ความสุข

เวลามีแข่งกีฬาอะไร
ก็เล่นๆไปตามอายุ ตามวัยของเขา
ประกวดวาดภาพ ระบายสี ก็ไม่เน้น
ริวไม่ได้เก่ง หรือมีความโดดเด่นอะไร
จนกระทั่ง คุณครูชวนให้สอบคณิตศาสตร์
ไม่ใช่แบบธรรมดาแต่เป็นแบบนานาชาติ
คือ ข้อสอบภาษาอังกฤษล้วนๆ

แม้จะเรียน English Program
แต่ริวมักบอกว่าไม่ถนัดภาษาอังกฤษ
เขาชอบบอกว่าเก่งไทย เก่งเลข
แต่เราก็ไม่เคยรู้ว่า เขาเก่งแค่ไหน

ด้วยความไม่คิดอะไร
เราก็ให้เขาสมัครสอบไป
มีสอนให้ก่อนสอบ
เราเห็นตัวอย่างข้อสอบยังว่ายาก
สำหรับเด็กอนุบาล ไม่เห็นว่า
ริวจะไปทำได้อย่างไร

แต่เราก็เชื่อใจ ให้กำลังใจเขา
ถึงวันสอบ ก็ไปสอบ สนุกๆ

คุณครูมาแจ้งว่า
ริวได้รับรางวัลระดับเหรียญทอง
จะได้เหรียญ ใบประกาศ
และติดรูปขึ้นบอร์ดใหญ่ๆ

สำหรับผู้ใหญ่ก็ฟังดูดีนะ
แต่ก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร
แต่กับริว เมื่อถึงวันรับเหรียญ
วันที่เห็นรูปตัวเองในป้าย
เขารู้สึกดีใจ และมั่นใจมากยิ่งขึ้น

ไม่สำคัญหรอกค่ะว่า
เหรียญที่ได้จะเป็นรางวัลเกรดไหน
มาตรฐานระดับไหน
ขอให้ลูกของเราได้มีโอกาส
ที่จะได้แข่งขันบ้าง ได้ชนะบ้าง
จิตใจแบบผู้ชนะ ความมั่นใจแบบนี้
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบอกให้เขามี

แต่ต้องให้เขาได้ผ่านประสบการณ์จริง

เหรียญทองไม่ได้สำคัญเลย
ถ้าพ่อแม่ไม่สามารถใช้เหรียญนี้
เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งความมั่นใจ
ให้เขาได้เติบโตไปในจุดที่เขาเป็นได้

และเหรียญทองก็ไม่ได้สำคัญเลย
เพราะยังมีกิจกรรมอื่นๆมากมาย
ที่พ่อแม่จะใช้เป็นเครื่องมือ
ในการสอน การปลูกฝังนิสัย
ที่เราอยากเห็นลูกเราเป็นได้เช่นกัน

เพื่อนๆคุณพ่อคุณแม่คะ
อย่าปิดโอกาสลูกๆของเรา
เพียงเพราะ คิดเอาเองว่า
ลูกของเราไม่น่าจะทำได้

อย่าทำงานยุ่ง เสียจนไม่มีเวลา
หาเวลา หาโอกาสดีๆให้ลูกบ้าง

ปล่อยให้เขาเก่ง เขาเป็น
ในแบบขอบเขาได้นะคะ

แต่อย่าลืมให้คำแนะนำดีๆ
เพราะไม่มีใครชี้ทาง
ให้ได้ดีเท่าคุณอีกแล้ว

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการทราบว่า ลูกของเรามีจุดแข็งตรงไหน จะได้เลือกส่งเสริมได้ถูก แอนเคยทั้งวิเคราะห์ด้วยโหราศาสตร์จีน และทำ Scan ลายนิ้วมือ ซึ่งได้ผลออกมาใกล้เคียงกัน ถามว่าจำเป็นไหม ก่อนทำก็คิดว่า ไม่จำเป็น เพราะราคาไม่ใช่น้อยเลย แต่พอทำแล้ว เวลาผ่านไป 1 ปี แอนคิดว่า เป็นเรื่องที่ดีมากๆ ที่เราได้เรียนรู้ลูกมากขึ้นจากแง่มุมนี้ แอนมีข่าวดีสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่สนใจบริการนี้ แอนได้รับโปรโมชั่นพิเศษมา สำหรับท่านผู้อ่าน สามารถลงทะเบียนเพื่อรับการติดต่อกลับได้นะคะ